เมื่อเวลา 09.30 น. ที่ตึกสันติไมตรี (หลังนอก) ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมนโยบายบริหารและการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยมี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ นายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ พล.อ.ศิริชัย ดิษฐกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม พล.อ.ทวีป เนตรนิยม เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ร่วมประชุม โดยพล.อ.ประวิตรกล่าวมอบนโยบายตอนหนึ่งว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาทุกรัฐบาลพยายามแก้ไขปัญหาสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งสิ่งที่เราได้ทำมาตลอดคือนโยบายในเรื่องการบริหารและพัฒนาที่จะทำให้ประชาชนในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้เข้าใจว่าจะอยู่ร่วมกันอย่างไรในเรื่องศาสนา ภาษา และความเป็นอยู่ไม่ว่าจะเป็นชาวพุทธ ชาวมุสลิม หรือภาษาต่างๆ ที่ใช้ในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ รัฐบาลทุกรัฐบาลพยายามแก้ปัญหาภาคใต้จึงได้ใช้กำลังทหาร ตำรวจและข้าราชการมาตลอด ซึ่งที่เข้าไปเราไม่ได้เข้าไปต่อสู้กับผู้เห็นต่าง แต่เข้าไปเพื่อป้องกันในคนในพื้นที่สามารถประกอบอาชีพได้รวมถึงมีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ลดปัญหาความเหลื่อมล้ำ พล.อ.ประวิตร กล่าวต่อว่า ในรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่เข้ามาจัดการกว่า 2 ปี เล็งเห็นว่าจะต้องมีคณะกรรมการขับเคลื่อนและพัฒนาแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ให้ชัดเจน สิ่งสำคัญคือประชาชนในพื้นที่ต้องเข้าใจรัฐบาลว่าเราพยายามทำให้เกิดสันติสุขในจังหวัดชายแดนใต้ ทั้งนี้คณะกรรมขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (คปต.) จะพยายามดูแลเรื่องงบประมาณที่เกี่ยวข้องในเรื่องฟังค์ชั่นที่จะไปแก้ไขปัญหาในพื้นที่ว่าต้องทำอะไรบ้าง เพื่อรองรับความต้องการของคนในพื้นที่ เพราะฉะนั้นในพื้นที่ดังกล่าวกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร หรือกอ.รมน.ภาค 4 หรือแม่ทัพภาคที่ 4 ได้จัดทำและสำรวจทุกพื้นที่ว่าประชาชนต้องการอะไร และหน่วยงานไหนที่เกี่ยวข้องจะมาบูรณาการงานได้อย่างไร ซึ่ง 2 ปีที่ผ่านมารัฐบาลได้ทุ่มเทที่อย่างที่ทำให้สามจังหวัดชายแดนใต้ลดปัญหาความขัดแย้งและความรุนแรง ซึ่งจะเห็นได้ชัดเจนว่ามีการลดความรุนแรงตามลำดับ กระทั่งองค์การความร่วมมืออิสลาม (โอไอซี) เข้ามาตรวจสอบก็ยังชื่นชมในการทำงานของรัฐบาลและเจ้าหน้าที่แสดงให้เห็นถึงการบูรณาการอย่างชัดเจน พล.อ.ประวิตรกล่าวต่อว่า การบริหารและการพัฒนาเห็นได้ชัดว่าประชาชนอยู่ดีกินดี มีการศึกษาที่ดี มีสวัสดิการที่รัฐบาลพยายามดูแลทุกอย่างดีขึ้น รัฐบาลสนใจเรื่องของสามเหลี่ยมเศรษฐกิจในสามจังหวัดชายแดนใต้ที่รัฐบาลกำลังทำอยู่ ทำให้สามจังหวัดชายแดนใต้พัฒนาขึ้นเพื่อให้ทัดเทียมกับประเทศเพื่อนบ้าน ตนเองจึงหวังอย่างยิ่งว่าความเข้าใจต่อนโยบายการบริหารราชการปี 2560-2562 คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบเรียบร้อยเพื่อให้เป็นกรอบการทำงานอย่างเป็นระบบ โดยมีประเด็นเน้นย้ำประการแรกรัฐบาลและคสช.ได้ให้ความสำคัญในการแก้ไขปัญหาสามจังหวัดชายแดนใต้และกำหนดให้เป็นเรื่องที่คสช.และรัฐบาลรับผิดชอบร่วมกัน และทำเป็นวาระแห่งชาติ ประการที่สองคือการกรอบทิศทางนโยบายการบริหารชายแดนใต้ฉบับนี้ยังคงต่อเนื่องและน้อมนำยุทธศาสตร์พระราชทานเข้าใจ เข้าถึง พัฒนารวมถึงปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง การให้ความสำคัญเรื่องเอกภาพและบูรณาการงานของทุกหน่วยงานเพื่อนำนโยบายไปสู่การปฏิบัติ ประการที่สามแนวนโยบาย 23 ข้อเพื่อรองรับวัตถุประสงค์ 6 ประการ รองนายกฯกล่าวว่า ประการที่สี่ขอให้ทุกฝ่ายดำเนินการร่วมกันบูรณาการแผนงานโครงการและงบประมาณเชื่อมโยงภารกิจนโยบายยุทธศาสตร์หลักที่เกี่ยวข้องตามข้อสั่งการนายกฯ ซึ่งการดำเนินการของรัฐบาลมาสองปีกว่านั้นตรงเป้า เราจึงจะใช้กรอบเดิมที่จะทำต่อไปเพื่อให้เห็นชัดว่าเราสามารถทำให้พื้นที่ดังกล่าวสงบ สันติสุข ประชาชนมีอยู่มีสุข ลดปัญหาความรุนแรงให้ได้โดยสิ้นเชิง ซึ่งคณะพูดคุยก็ยังเดินหน้าพูดเพื่อสร้างความเชื่อมั่นทั้งหมดต่อไป ทุกอย่างต้องบูรณาร่วมกันเพื่อให้เกิดความชัดเจนด้วยการสร้างสามจังหวัดชายใต้เป็นดินแดนที่เกิดความปลอดภัย สันติสุข และมีความศิวิไล รวมถึงการรักษาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมไว้ให้ได้