ชาวบ้านยิ้มแก้มปริ “คปภ.- อุตสาหกรรมประกันภัย” ผนึกกำลังจัดคาราวานช่วยเหลือ-จ่ายเคลมถึงประตูบ้าน เผยรถยนต์ลูกค้าประกันน้ำท่วม 3,046 คัน จ่ายสินไหมไปแล้ว 1,429 คัน ่ขณะที่ประกันอัคคีภัย และประกันทรัพย์สินกำลังทยอยจ่ายเป็นระลอกๆ หลังคปภ.เร่งรัดให้บริษัทประกันจ่ายสินไหมทดแทนโดยเร่งด่วน ดร.สุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลันในพื้นที่หลายจังหวัดทางภาคใต้ ทำให้ประชาชนได้รับผลกระทบต่อชีวิต ทรัพย์สินเสียหายเป็นจำนวนมาก ดังนั้นสำนักงาน คปภ.จึงได้ออกมาตรการต่างๆด้านการประกันภัยเพื่อช่วยเหลือเยียวยาประชาชนและผู้เอาประกันภัยที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยอย่างต่อเนื่องและเป็นระบบ นอกจากนี้ยังได้ติดตามและเร่งรัดการจ่ายค่าสินไหมทดแทนให้กับผู้เอาประกันภัยอย่างรวดเร็วและเป็นธรรมสำหรับความคืบหน้าในการเร่งรัดจ่ายค่าสินไหมทดแทนให้กับประชาชนและผู้เอาประกันภัยที่ประสบภัยน้ำท่วมในพื้นที่ภาคใต้ ล่าสุดเมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2560 จากการรายงานของสำนักงาน คปภ. ภาค 8 สำนักงาน คปภ. ภาค 9 รวมทั้งจากการรายงานของบริษัทประกันภัย พบว่า ความเสียหายของรถยนต์ที่ทำประกันภัยมีจำนวนเสียหายเพิ่มขึ้นเป็น 3,046 คัน รวมมูลค่าความเสียหาย 301,825,503.29 บาท ดำเนินการชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเรียบร้อยแล้ว 1,429 คัน คิดเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 132,789,337.29 บาท และบริษัทประกันภัยสำรวจความเสียหายรวมทั้งตกลงรับผิดชอบจ่ายค่าสินไหมทดแทนโดยอยู่ในระหว่างดำเนินการ จำนวน 1,617 คัน คิดเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 169,036,166.00 บาท ความเสียหายของประกันภัยทรัพย์สินด้านประกันอัคคีภัย (ที่อยู่อาศัย) มีความเสียหายเพิ่มขึ้นเป็นจำนวน 998 ราย รวมมูลค่าความเสียหาย 42,857,406.62 บาท ดำเนินการชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเรียบร้อยแล้ว 250 ราย คิดเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 6,093,322.50 บาท และบริษัทประกันภัยสำรวจความเสียหาย รวมทั้งตกลงรับผิดชอบจ่ายค่าสินไหมทดแทนโดยอยู่ในระหว่างดำเนินการจำนวน 748 ราย คิดเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 36,764,084.12 บาท ด้านความเสียหายประกันอัคคีภัย (อาคารพาณิชย์/เอสเอ็มอี) มีความเสียหายเพิ่มขึ้นเป็นจำนวน 76 ราย รวมมูลค่าความเสียหายทั้งสิ้น 15,194,895.73 บาท ดำเนินการชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเรียบร้อยแล้วจำนวน 19 ราย คิดเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 2,182,531.81 บาท และบริษัทประกันภัยสำรวจความเสียหายรวมทั้งตกลงรับผิดชอบจ่ายค่าสินไหมทดแทนโดยอยู่ในระหว่างดำเนินการจำนวน 57 ราย คิดเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 13,012,363.92 บาท ในส่วนความเสียหายจากทรัพย์สิน (IAR) มีความเสียหายเพิ่มขึ้นเป็นจำนวน 458 ราย รวมมูลค่าความเสียหายทั้งสิ้น 1,045,127,715.96 บาท ดำเนินการชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเรียบร้อยแล้วจำนวน 74 ราย คิดเป็นเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 3,402,344.15 บาท และบริษัทประกันภัยสำรวจความเสียหายรวมทั้งตกลงรับผิดชอบจ่ายค่าสินไหมทดแทน โดยอยู่ในระหว่างดำเนินการจำนวน 384 ราย คิดเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 1,041,725,371.81 บาท สำหรับความเสียหายการประกันชีวิต และประกันอุบัติเหตุ (PA) มีความเสียหายจำนวน 5 ราย รวมมูลค่าความเสียหายทั้งสิ้น 1,710,000 บาท ดำเนินการชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเรียบร้อยแล้วจำนวน 2 ราย คิดเป็นจำนวนเงิน 110,000 บาท และบริษัทประกันภัยตกลงรับผิดชอบจ่ายค่าสินไหมทดแทนโดยอยู่ในระหว่างดำเนินการจำนวน 3 ราย คิดเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 1,600,000 บาท เลขาธิการคปภ.กล่าวด้วยว่า สำนักงาน คปภ. ได้เร่งรัดให้บริษัทประกันภัยดำเนินการจ่ายค่าสินไหมแก่ผู้ประสบภัยทุกรายการเป็นการด่วน โดยล่าสุดเมื่อวันที่ 16-17 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา สำนักงานคปภ. ได้จัดคาราวานช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมภายใต้โครงการ “คปภ.-ภาคอุตสาหกรรมประกันภัยช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม” ซึ่งเป็นโครงการในรูปแบบ CSR ด้วยการแจกเครื่องอุปโภคบริโภคและสิ่งของเครื่องใช้ที่จำเป็น เช่น หม้อหุงข้าวไฟฟ้า ข้าวสาร และมีการมอบเงินสบทบเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมให้กับหน่วยงานราชการ รวมไปถึงการจัดให้มีการจ่ายค่าสินไหมทดแทนให้กับผู้เอาประกันภัยที่ได้รับความเสียหายจากภัยน้ำท่วม ณ พื้นที่เกิดอุทกภัยในจังหวัดชุมพร สุราษฎร์ธานี และนครศรีธรรมราช จำนวน 20 ราย รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 15,192,000 บาท เช่น ที่อำเภอหลังสวน จังหวัดชุมพร จำนวน 6 ราย รวมค่าสินไหมทดแทน 2,090,000 บาท ที่อำเภอท่าชนะ จังหวัดสุราษฎร์ธานี จำนวน 3 ราย รวมค่าสินไหมทดแทน 3,102,000 บาท และที่อำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช จำนวน 11 ราย รวมค่าสินไหมทดแทน 10,000,000 บาท ทั้งนี้ภัยพิบัติสามารถเกิดขึ้นได้ในรูปแบบต่างๆ และสร้างความเสียหายให้กับชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนเป็นจำนวนมาก ระบบประกันภัยจึงเป็นปัจจัยหนึ่งที่มีส่วนช่วยเยียวยาความเดือดร้อนจากภัยเหล่านั้นได้ จึงขอให้ประชาชนตระหนักถึงความสำคัญและหันมาทำประกันภัยให้มากขึ้น เพื่อเป็นเครื่องมือรองรับความเสี่ยงภัยให้กับตนเองและครอบครัวในอนาคต หากมีข้อสงสัยให้สอบถามได้ที่ สายด่วนคปภ. 1186 เลขาธิการ คปภ.