พม.เดินหน้าโครงการบ้านประชารัฐริมคลอง หลังจากที่ คสช.ออกคำสั่งตามมาตรา 44 ให้ยกเว้นการบังคับใช้กฎหมายควบคุมการก่อสร้างอาคาร รมว.พม.เป็นประธานในพิธียกเสาเอกสร้างบ้านและชุมชนใหม่บนที่ดินแปลงใหม่เนื้อที่ 4 ไร่เศษ รองรับชาวบ้านริมคลองในเขตสายไหม รวม 112 หลังคาเรือน ใช้งบพัฒนาทั้งโครงการรวม 53 ล้านบาทเศษ ขณะที่ กทม.เตรียมใช้ไม้แข็งกับชุมชนที่ยังไม่ยอมรื้อย้ายทำให้การก่อสร้างเขื่อนป้องกันน้ำท่วมมีความล่าช้า ตามที่รัฐบาลมีโครงการจัดการสิ่งปลูกสร้างรุกล้ำลำคลอง โดยจะมีการรื้อย้ายบ้านเรือนที่รุกล้ำลำคลอง และก่อสร้างเขื่อนระบายน้ำในคลองลาดพร้าวเพื่อป้องกันน้ำท่วมกรุงเทพฯ และปริมณฑล โดยให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและ ความมั่นคงของมนุษย์ สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) จัดทำโครงการบ้านประชารัฐริมคลองเพื่อรองรับชาวบ้านที่รุกล้ำคลอง แต่ที่ผ่านมาเกิดปัญหาความล่าช้าเนื่องจากติดขัดระเบียบการขออนุญาตก่อสร้าง กฎหมายผังเมือง และ พ.ร.บ.สิ่งแวดล้อม ทำให้คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ออกคำสั่งเมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ให้มีการยกเว้นการบังคับใช้บทบัญญัติบางมาตรา เพื่อให้โครงการบ้านประชารัฐริมคลองเดินหน้าต่อไปได้ ล่าสุดวันนี้ (23 กุมภาพันธ์) เวลา 10.30 น. ที่ซอยสายไหม 46 เขตสายไหม มีการจัดงาน “สร้างชุมชนใหม่เลียบคลองสอง โซน 3 บ้านประชารัฐริมคลอง” โดยมี พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เป็นประธานในงาน มีผู้ร่วมงานจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น นายไมตรี อินทุสุต ปลัดกระทรวง พม. นายณรงค์ เรืองศรี รองผู้อำนวยการ สำนักการระบายน้ำ กทม. นายสมชาติ ภาระสุวรรณ รักษาการ ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) รวมทั้งชาวบ้านจากเครือข่ายพัฒนาชุมชนและสิ่งแวดล้อมคูคลองประมาณ 200 คนเข้าร่วมงาน ภายในงานมีการจัดนิทรรศการการพัฒนาที่อยู่อาศัยชุมชนริมคลอง มีพิธียกเสาเอกเพื่อก่อสร้างบ้านใหม่ และผู้แทน กทม.ฯ ได้มอบใบอนุญาตก่อสร้างที่อยู่อาศัยให้แก่ตัวแทนชาวชุมชน ชุมชนเลียบชุมชนเลียบคลองสองโซน 3 (รวม 112 หลังคาเรือน) ถือเป็นชุมชนแรกในคลองลาดพร้าวที่ชาวบ้านได้รวมตัวกันจัดหาที่ดินแปลงใหม่ ได้รับอนุมัติงบประมาณสนับสนุนการก่อสร้างบ้านและชุมชนใหม่จากสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (พอช.) ประกอบด้วย งบพัฒนาระบบสาธารณูปโภค รวม 8,785,000 บาท งบอุดหนุน รวม 2,800,000 บาท งบช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากการสร้างแนวเขื่อนระบายน้ำ รวม 8,064,000 บาท งบสินเชื่อซื้อที่ดินใหม่ 4–2–65.5 ไร่ จำนวน 16,606,000 บาท สินเชื่อปลูกสร้างบ้าน (112 หลังคาเรือน) รวม 20,594,000 บาท ส่วนขนาดบ้านมี 2 แบบ คือ 4 X7 ตารางเมตร และ 6 X 7 ตารางเมตร ผ่อนส่งเดือนละ 1,952 –2,991 บาท อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 4 ต่อปี ระยะเวลาผ่อนส่ง 15 ปี รวมงบประมาณในการพัฒนาโครงการดังกล่าว เป็นเงิน 53,814,000 บาท พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รมว.พม. กล่าวว่า ชุมชนเลียบคลองสอง โซน 3 เป็นชุมชนแรกในคลองลาดพร้าวที่ชาวบ้านได้รวมตัวกันจัดซื้อที่ดินแปลงใหม่เนื้อที่ 4 ไร่เศษ รองรับชาวบ้านได้ 112 หลังคาเรือน เนื่องจากชุมชนเดิมมีความคับแคบและอยู่ในแนวก่อสร้างเขื่อนระบายน้ำของกรุงเทพมหานคร จึงไม่สามารถรื้อย้ายและสร้างบ้านใหม่ในชุมชนเดิมได้ แต่ชุมชนใหม่ก็อยู่ห่างจากชุมชนเดิมเพียง 3 กิโลเมตร และใช้ระยะเวลาก่อสร้างเพียงไม่กี่เดือน ชาวบ้านก็จะมีที่อยู่อาศัยที่มั่นคงให้แก่ลูกหลาน โดยใช้งบประมาณสนับสนุนจากสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชนจำนวน 53 ล้านบาทเศษ ขณะที่ชาวบ้านได้รวมกลุ่มกันจัดตั้งกลุ่มออมทรัพย์เพื่อเป็นทุนในการก่อสร้างบ้าน “นอกจากชาวชุมชนริมคลองที่ลงเสาเอกสร้างบ้านใหม่ในวันนี้แล้ว ภายในสิ้นปีนี้จะดำเนินการอีก 33 ชุมชน รวม 3,672 ครัวเรือน ส่วนผู้ที่ยังไม่เข้าร่วมโครงการซึ่งมีอยู่ประมาณ 1,000 ครัวเรือน เราก็จะใช้วิธีการเจรจา และจะใช้มาตรการทางกฎหมายเป็นหนทางสุดท้าย แต่ผมหวังว่าเมื่อชาวบ้านที่ยังไม่เข้าร่วมเมื่อได้เห็นความสำเร็จของชุมชนต่างๆ แล้วก็คงจะเข้าร่วมโครงการ ” รมว.พม.กล่าว พล.ต.อ.อดุลย์ยังกล่าวถึงกรณีที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช.ได้ประกาศใช้มาตรา 44 เพื่อยกเว้นการบังคับใช้กฎหมายควบคุมอาคารและผังเมืองเมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมาว่า ประกาศของ คสช.ดังกล่าวจะช่วยแก้ไขปัญหาความล่าช้าอันเนื่องมาจากขั้นตอนของกฎหมายต่างๆ โดยเฉพาะเรื่องระยะร่นจากแนวคลองจากเดิมที่มีกฎหมายกำหนดต้องให้เว้นระยะห่างจากแนวคลองอย่างน้อย 6 เมตร ให้เหลือเพียง 2 เมตร จึงทำให้ชาวชุมชนริมคลองหลายแห่งมีพื้นที่เหลือให้ก่อสร้างบ้านในชุมชนเดิมหลังจากที่รื้อย้ายบ้านพ้นแนวก่อสร้างเขื่อนได้ นอกจากนี้ยังมีการยกเว้นกฎหมายผังเมืองรวม และยกเว้นการจัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม แต่ให้ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อม ซึ่งจะทำให้โครงการบ้านประชารัฐริมคลองเดินหน้าไปได้เร็วขึ้น นายณรงค์ เรืองศรี รองผู้อำนวยการสำนักการระบายน้ำ กรุงเทพมหานคร กล่าวว่า นโยบายการจัดระเบียบริมคลองลาดพร้าว กทม.ได้ดำเนินการก่อสร้างเขื่อนริมคลอง ระยะทาง 2 ฝั่งประมาณ 45 กิโลเมตร ครอบคลุม 8 เขต โดยมีแผนการดำเนินการใน 50 ชุมชน ประมาณ 7,000 ครัวเรือน ซึ่งจะแล้วเสร็จภายในปี 2562 ขณะณี้ได้ก่อสร้างเขื่อนในคลองลาดพร้าวแล้ว เป็นระยะทางกว่า 5 กิโลเมตร มีความคืบหน้า 10 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งล่าช้ากว่าแผนงานที่วางไว้ เนื่องจากติดปัญหาชุมชนไม่ยอมรื้อย้ายออกจากพื้นที่ ทำให้มีอุปสรรคในการทำงาน “เพื่อให้แผนการก่อสร้างเขื่อนแล้วเสร็จตามกำหนด กทม.จะลงพื้นที่เจรจาและทำความเข้าใจกับชาวบ้าน ร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง หากผลการเจรจาไม่สำเร็จ ชุมชนไม่ยอมรื้อย้าย ในขั้นตอนสุดท้ายอาจใช้มาตรการทางกฎหมายมาดำเนินการ” นายณรงค์กล่าว โครงการบ้านประชารัฐริมคลองลาดพร้าวในขณะนี้ดำเนินการไปแล้ว 7 ชุมชน รวม 675 ครัวเรือน เช่น ชุมชนสะพานไม้ 1, สะพานไม้ 2 เขตหลักสี่, ชุมชนบางบัว, ชุมชนสามัคคีร่วมใจ เขตบางเขน, ชุมชนศาลเจ้าพ่อสมบุญ เขตสายไหม ฯลฯ ทั้งนี้กระทรวง พม.และ พอช.มีเป้าหมายที่จะพัฒนาที่อยู่อาศัยชุมชนริมคลองลาดพร้าวและคลองบางซื่อให้แล้วเสร็จภายในปี 2561 รวม 52 ชุมชน จำนวน 7,081 ครัวเรือน อย่างไรก็ตามยังมีชาวบ้านที่ยังไม่เข้าร่วมโครงการอีกหลายชุมชน รวม 1,435 ครัวเรือน