เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ตัวแทนหนึ่งเดียวของไทย ที่ได้ลงเล่นในฟุตบอลถ้วยใหญ่ของเอเชีย อย่าง เอเอฟซี แชมเปียนส์ลีก สามารถเก็บ 1 คะแนนแรกในรอบแบ่งกลุ่มได้ จากฟอร์มยอดเยี่ยมด้วยการบุกเสมอกับ บริสเบน โรว์ 0-0 ก่อนเกม กูรู หลายสำนัก ทั้งไทย และต่างชาติ ต่างมองว่า “กิเลนผยอง” แชมป์ไทยลีก ไม่น่าต้านทานพลังรุกของทีมจากเมืองจิงโจ้ได้ แต่แล้วทุกคนต้องหน้าแหก เมื่อทีมจากย่านปากเกร็ด สามารถต่อกรกับทีมบริสเบนได้อย่างเหลือเชื่อ มีโอกาสจบสกอร์ ถ้าคมหรือเฉียบขาดกว่านี้ เผลอๆ อาจได้ 3 คะแนนกลับมาก็ได้ สิ่งที่ทำให้หลายคนมองว่า เมืองมอง จะสู้ไม่ได้คงเป็นเพราะผลงานที่ผ่านมา ที่พวกเขามักไปไม่สวยในเวที แชมเปียนส์ลีก แพ้เยอะ ตกรอบแบ่งกลุ่มอ แต่ว่าปีนี้ การกลับมาของทีมแชมป์ไทยลีก ไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว สิ่งหนึ่งที่เปลี่ยนไปคือ คุณภาพตัวผู้เล่น ที่มีนักเตะระดับพรีเมี่ยมทั้งต่างชาติ และนักเตะไทย ที่มีดีกรีเป็นทีมชาติยกแผง ทำให้แต่ละทีมเกิดอาการหวั่นๆ เมื่อต้องลงเล่นกับ เมืองทอง เพราะผลงานของทีมชาติไทยในช่วงที่ผ่านมา แสดงให้เห็นว่า พร้อมสู้กับทุกทีม และสามารถสร้างความปั่นป่วนให้แนวรับคู่แข่งได้ แม้จะเป็นเพียง 1 คะแนน และการแข่งขันในรอบแบ่งกลุ่มยังเหลืออีกตั้ง5 นัด 15 คะแนนให้ต้องเก็บ ทว่าการไปเล่นเป็นทีมเยือนแล้วได้แต้มกลับบ้าน ถือว่าเรายังมีลุ้นได้ เพราะเกมในบ้าน เราก็ไม่น่าพลาดคะแนนเช่นกัน บวกกับมีกองเชียร์ที่คอยส่งเสียงเชียร์ และกดดันทีมคู่แข่งแบบแน่นสนาม เอสซีจี สเตเดียม แน่นอน เกมที่เหลือ ไม่มีเกมไหนง่าย แต่จากผลงานในเกมแรก บอกเลยว่า ไม่ว่าจะเป็น คาชิม่า แอนท์เลอร์ หรืออุลซาน ฮุนได ก็ต้องมีเกร็งกันบ้าง เห็นการเล่นกับ บริสเบน ผ่านจอทีวี แล้ว ปีนี้บอกเลยว่า เมืองทอง ของไทย ไม่ได้มาเล่นๆ นะครับ