กรมชลประทาน สนองนโยบายกระทรวงเกษตรฯ หลัง ครม. อนุมัติแผนลดความเสี่ยงจากภัยแล้งด้านการเกษตร ปี 2559/60 พร้อมขับเคลื่อน 5 มาตรการ 5 โครงการทันที เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรที่อาจได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ภัยแล้งที่กำลังจะเกิดขึ้นได้อย่างทันท่วงที นายสัญชัย เกตุวรชัย อธิบดีกรมชลประทาน นายสัญชัย เกตุวรชัย อธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยเกี่ยวกับสถานการณ์น้ำในช่วงฤดูแล้ง ปี 2558/2559 ว่า ปีนี้ถึงแม้ว่าสถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำทั่วประเทศจะมีปริมาณมากกว่าปีที่ผ่านมา แต่ความต้องการใช้น้ำในกิจกรรมต่างๆ ก็มีเพิ่มสูงขึ้น และเพื่อให้เกษตรกรมีรายได้ทดแทนจากการลดพื้นที่เพาะปลูกข้าวนาปรังในช่วงฤดูแล้ง กรมชลประทานได้ขานรับนโยบายกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในการดำเนินแผนเตรียมความพร้อมเพื่อลดความเสี่ยงจากภัยแล้งด้านการเกษตร ปี 2559/60 ที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบเมื่อวันที่ 24 มกราคม 2560 ที่ผ่านมา และได้มอบหมายให้หน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการตามมาตรการและโครงการที่รับผิดชอบโดยมีเป้าหมายในการช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนของเกษตรกรที่อาจได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ภัยแล้ง โดยมาตรการลดความเสี่ยงจากภัยแล้งด้านการเกษตร มีทั้งหมด 6 มาตรการ ประกอบด้วย 1.มาตรการส่งเสริมความรู้เพื่อลดความเสี่ยงจากภัยแล้ง 2.มาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้น้ำเพื่อการเกษตร 3.มาตรการเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุน 4.มาตรการฟื้นฟูพัฒนาพื้นที่เกษตรที่ประสบภัย 5.มาตรการสร้างการรับรู้และประชาสัมพันธ์ และ 6.มาตรการจัดทำแผนความต้องการของชุมชนเพื่อบรรเทาผลกระทบภัยแล้ง อธิบดีกรมชลประทาน กล่าวว่า ในส่วนของกรมชลประทาน ได้ดำเนินการจัดประชุมกลุ่มผู้ใช้น้ำทั่วประเทศ เพื่อชี้แจงให้ทราบถึงแนวทางการจัดสรรน้ำจากอ่างเก็บน้ำตามแผนที่กำหนดให้กับการใช้น้ำในกิจกรรมต่างๆ ในพื้นที่แล้ว และยังได้สั่งการให้หน่วยงานในสังกัดทั่วประเทศดำเนินการตามแผนมาตรการดังกล่าว ได้แก่ การส่งเสริมให้เกษตรกรทำการปลูกข้าวนาปรังโดยวิธีเปียกสลับแห้งแกล้งข้าว เพื่อเป็นการประหยัดน้ำโดยมีเป้าหมาย 27 จังหวัดๆ ละ 5 แปลง รวม 135 แปลง ๆ ละ 5 ไร่ รวม 675 ไร่ ส่วนเกษตรกรที่อยู่ในพื้นที่นอกแผนการจัดส่งน้ำและไม่ได้ทำการเพาะปลูกพืชในช่วงฤดูแล้งปีนี้ กรมชลประทานมีงบประมาณ 3,497.19 ล้านบาท เพื่อเป็นรายได้ทดแทนให้กับเกษตรกรกลุ่มนี้ และได้สั่งการให้หน่วยงานในสังกัดทั่วประเทศดำเนินการจ้างแรงงานเข้ามาทำงานปรับปรุง ซ่อมแซมอาคารชลประทาน รวมทั้งการขุดลอกคูคลองการกำจัดวัชพืช จนถึงปัจจุบัน (20 กุมภาพันธ์ 2560) กรมชลประทาน มีการจ้างแรงงานไปแล้วจำนวน 39,668 คน ทั่วประเทศ “นอกจากนั้นการดำเนินงานในมาตรการอื่นๆ กรมชลประทานยังสร้างความมั่นคงด้านน้ำด้วยการเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุนเพื่อสนับสนุนการใช้น้ำในกิจกรรมต่างๆ รวมทั้งการเกษตรให้ทั่วถึงและเพียงพอ โดยได้จัดสรรงบประมาณ 2,736.94 ล้านบาท เพื่อสร้างแหล่งเก็บน้ำให้แล้วภายในปี 2560 ประกอบด้วย อ่างเก็บน้ำ จำนวน 10 แห่ง และแก้มลิง จำนวน 24 แห่ง” นายสัญชัย กล่าว นายสัญชัย กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ กรมชลประทาน ได้เดินหน้าตามแผนดังกล่าวแล้ว เพื่อป้องกันผลกระทบจากภัยแล้งที่อาจจะเกิดขึ้นต่อเกษตรกรและผู้ใช้น้ำ รวมทั้งการสร้างความตระหนักรู้ในการปรับตัวเพื่อลดความเสี่ยงจากภัยแล้งในพื้นที่ โดยเร่งประชาสัมพันธ์ ขอความร่วมมือให้ชาวนางดทำนาปรังเพิ่ม และให้ปรับเปลี่ยนไปปลูกพืชใช้น้ำน้อยแทนการปลูกข้าว เนื่องจากปัจจุบันมีการทำนาปรังเกินกว่าแผนไปแล้ว โดยแผนการปลูกข้าวนาปรังกำหนดไว้ที่ 4 ล้านไร่ แต่ปัจจุบันมีการปลูกไปแล้ว 7.28 ล้านไร่ ซึ่งเกินกว่าแผนอยู่ 3.28 ล้านไร่ และอาจส่งกระทบต่อแผนการบริหารจัดการน้ำในภาพรวม อย่างไรก็ตาม เพื่อให้ปริมาณน้ำที่มีอยู่อย่างจำกัดเพียงพอใช้อย่างไม่ขาดแคลน ขอให้ประชาชนร่วมกันใช้น้ำอย่างประหยัดและเกิดประโยชน์สูงสุด เพื่อทุกภาคส่วนจะได้มีน้ำกินน้ำใช้ตลอดฤดูแล้งนี้