“ป.ป.ช.” มีมติชี้มูลความผิด “นายกอบต.เขวาไร่-หนองเรือ” ร่วมกับพนง.มหาวิทยาลัยปลอมผลคะแนนสอบ เผยผู้เข้าสอบสารภาพจ่ายให้ผู้มีอำนาจเงิน 6 แสนบาท เตรียมส่งเรื่องให้ผู้มีอำนาจถอดถอน พร้อมยื่นให้ปปง. ตรวจยึดทรัพย์ ชี้มูลความผิด 5 รายชื่อขึ้นบัญชีสอบ เมื่อวันที่ 24 ก.พ. นายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) กล่าวว่า ตามที่มีการกล่าวหาร้องเรียนต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. กรณีการสอบแข่งขันเพื่อบรรจุบุคคลเป็นพนักงานส่วนตำบลในพื้นที่จังหวัดมหาสารคาม จำนวน 31 แห่ง ซึ่งดำเนินการจัดสอบโดยมหาวิทยาลัย 2 แห่ง แห่งแรกดำเนินการจัดสอบ 19 อบต. และแห่งที่สอง ดำเนินการจัดสอบ 12 อบต. มีพฤติการณ์ร่วมกันทุจริตในการสอบ มีการปลอมเอกสารผลคะแนน และร่วมกันเรียกรับเงินจากผู้สมัครสอบเพื่อช่วยเหลือให้สอบได้นั้น คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้ดำเนินการไต่สวนโดยแยกเป็น 2 เรื่องตามกลุ่มของมหาวิทยาลัยที่จัดสอบ เรื่องแรก 19 อบต. และเรื่องที่สอง 12 อบต. คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้การไต่สวนข้อเท็จจริงในกรณีของอบต. เขวาไร่ อ.นาเชือก จ.มหาสารคาม ซึ่งเป็นหนึ่งใน อบต. ที่ถูกกล่าวหาเสร็จสิ้นแล้ว ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า มีผู้สอบแข่งขันได้รับการขึ้นบัญชี เป็นผู้สอบแข่งขันได้ของ อบต. เขวาไร่ จำนวน 15 คน ในจำนวนนี้ ปรากฏว่ามีผู้สอบแข่งขันได้จริงเพียงคนเดียว ส่วนที่เหลือสอบไม่ผ่าน แต่ได้รับความช่วยเหลือจากนายก อบต. และผู้ดำเนินการจัดสอบ โดยจัดทำผลคะแนน เป็นเท็จว่าสอบได้ ซึ่งมีผู้ที่ได้รับการขึ้นบัญชีรายหนึ่งให้การรับสารภาพว่าได้จ่ายเงินผ่านนายหน้า ให้แก่ผู้ที่มีอำนาจเกี่ยวข้อง จำนวน 600,000 บาท ซึ่งคณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้พิจารณาแล้ว มีมติชี้มูลความผิด ดังนั้น1. นายสมบูรณ์ นาเพีย ในฐานะนายก อบต.เขวาไร่ อ.นาเชือก และในฐานะคณะกรรมการดำเนินการสอบแข่งขัน และพ.จ.อ. คมสันต์ บุญศร นายก อบต.หนองเรือ อ.นาเชือก ในฐานะคณะกรรมการดำเนินการสอบแข่งขัน ร่วมกับผู้ถูกกล่าวหารายอื่น ติดต่อผศ.อร่าม ศิริพันธ์ พนักงานมหาวิทยาลัยที่ดำเนินการจัดสอบ ให้จัดทำผลคะแนนสอบอันเป็นเท็จและร่วมกันจ่ายเงินให้กับผศ.อร่าม เป็นค่าจัดทำ ผลคะแนนอันเป็นเท็จดังกล่าว แล้วร่วมกันจัดทำและรับรองรายงานการประชุมคณะกรรมการสอบแข่งขันอันเป็นเท็จ แล้วส่งเอกสารการประชุมพิจารณาอันเป็นเท็จให้คณะกรรมการพนักงานส่วนตำบลจังหวัดมหาสารคาม ให้ความเห็นชอบ มีมูลความผิดทางอาญาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 มาตรา 157 และมาตรา 162(1), (4) ประกอบมาตรา 83 และมีมูลให้ต้องถอดถอนออกจากตำแหน่งตามพระราชบัญญัติสภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล พ.ศ. 2537 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 92 2. ผศ.อร่าม พนักงานมหาวิทยาลัยที่ดำเนินการจัดสอบ ในฐานะเป็นกรรมการออกข้อสอบ กรรมการคัดเลือกข้อสอบ กรรมการตรวจข้อสอบ กรรมการประมวลผลคะแนน และเป็นหัวหน้าคณะกรรมการดำเนินการสอบแข่งขันได้จัดทำผลคะแนนสอบภาค ก และภาค ข อันเป็นเท็จ เพื่อช่วยเหลือผู้สมัครสอบ บางรายให้ได้รับการบรรจุแต่งตั้งหรือขึ้นบัญชี ทั้งๆ ที่บุคคลดังกล่าวสอบไม่ผ่าน โดยเรียกรับเงินเป็นค่าตอบแทน มีมูลความผิดทางอาญาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 มาตรา 157 และมาตรา 162 (1), (4) ประกอบมาตรา 86 และตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 123/1 รวมทั้งมีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง 3. นางสมจิตร บุญศร รองปลัด อบต. หนองเรือ อ.นาเชือก ภรรยาของพ.จ.อ. คมสันต์ ในขณะนั้นเป็นผู้นำเงินมาให้ผศ.อร่าม เพื่อดำเนินการจัดทำผลคะแนนสอบอันเป็นเท็จ มีมูลความผิดทางอาญาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 มาตรา 157 และมาตรา 162(1), (4) ประกอบมาตรา 86 และมีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง 4. นางดอกไม้ หนูยอด ครู (คศ. 1) เทศบาลตำบลดงสิงห์ อ.จังหาร จ.ร้อยเอ็ด เป็นตัวกลางเรียกรับเงิน จากผู้สมัครสอบให้กับผู้มีอำนาจที่เกี่ยวข้อง มีมูลความผิดทางอาญาตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 149 มาตรา 157 และมาตรา 162(1), (4) ประกอบมาตรา 86 และมีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง และ 5. ผู้ได้รับการขึ้นบัญชี ประกอบด้วย นายกิติศักดิ์ สุขกำเนิด, นายชูชาติ ทิมกลางดอน, นายอำพล มากระจันทร์, นายธีรเชษฐ์ พลสอน, นางนิตยา สีสา, สิบเอกสุนันท์ บุญตาแสง, นายสมพงษ์ มณีวัฒน์, นายวิสูติ เทียงคาม, นางปุณยนุช อรัญเสน, นายชาญณรงค์ สมแพง, นางสาวสุจิตรา ภูวงศ์, น.ส.หนูจีน แก้วลาด, และน.ส.อรัญณีย์ ภารเจิม ได้ร่วมทุจริตในการสอบครั้งนี้ กับนายสมบูรณ์ นาเพีย นายก อบต. เขวาไร่ พ.จ.อ.คมสันต์ และคณะกรรมการดำเนินการสอบแข่งขัน มีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ประกอบมาตรา 86 นายสรรเสริญ กล่าวว่า จึงให้ส่งรายงานการไต่สวนไปยังอัยการสูงสุด(อสส.)เพื่อดำเนินคดีอาญา และส่งไปยังผู้มีอำนาจแต่งตั้งถอดถอน เพื่อดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ และผู้บังคับบัญชาเพื่อดำเนินการทางวินัยกับผู้ถูกกล่าวหาข้างต้น แล้วแต่กรณี นอกจากนี้ คณะกรรมการ ป.ป.ช. ยังมีมติให้ส่งรายงานการไต่สวนไปยังสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน(ปปง.) เพื่อดำเนินการยึดหรือและอายัดทรัพย์สินของผู้ที่เกี่ยวข้องตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม รวมทั้งส่งเรื่องให้สำนักมาตรการป้องกันการทุจริต สำนักงาน ป.ป.ช. เพื่อพิจารณาเสนอแนวทางหรือมาตรการที่จะป้องกันมิให้เกิดการทุจริตเกี่ยวกับการสอบแข่งขัน เพื่อบรรจุและแต่งตั้งบุคคลเป็นข้าราชการหรือพนักงานส่วนตำบลในโอกาสต่อไป นายสรรเสริญ กล่าวอีกว่า สำหรับอบต.แห่งอื่นที่อยู่ระหว่างการไต่สวน คณะกรรมการ ป.ป.ช. จะได้เร่งรัดดำเนินการให้แล้วเสร็จโดยเร็ว ทั้งนี้การชี้มูลความผิดทางอาญาของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ยังไม่ถือเป็นที่สุด ผู้ถูกกล่าวหายังเป็นผู้บริสุทธิ์จนกว่าจะมีคำพิพากษาของศาลอันถึงที่สุด