รมช.พาณิชย์ลงพื้นที่จังหวัดราชบุรี ติดตามสถานการณ์การค้าสินค้าเกษตรตรวจเยี่ยมตลาดกลางปลาสวยงามและสัตว์เลี้ยงและสถานีบริการน้ำมันเต็มลิตร นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า รัฐบาลได้มอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์เร่งผลักดันเศรษฐกิจท้องถิ่น (Local Economy) เพื่อให้เศรษฐกิจภูมิภาคดีขึ้น โดยใช้การตลาดเป็นตัวนำและขับเคลื่อน ในวันนี้ (26 กุมภาพันธ์ 2560) จึงลงพื้นที่ในจังหวัดราชบุรี พร้อมด้วยอธิบดีกรมการค้าภายใน นางนันทวัลย์ ศกุนตนาคและผู้บริหารกรมการค้าภายใน "เพื่อติดตามสถานการณ์การค้าสินค้าเกษตร ณ ตลาดกลางผักและผลไม้จังหวัดราชบุรี (ตลาดศรีเมือง) และสถานการณ์การค้าตลาดกลางปลาสวยงามและสัตว์เลี้ยงจังหวัดราชบุรี พร้อมทั้งตรวจเยี่ยมสถานีบริการ น้ำมันเต็มลิตร ปตท. สาขาสหกรณ์โคนมหนองโพ โดย “ตลาดกลางผักและผลไม้จังหวัดราชบุรี” เป็นตลาดในความส่งเสริมของกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2538 เป็นตลาดกลางแห่งที่ 19 ของประเทศไทย ปัจจุบันมีผู้ประกอบการค้าในตลาด จำนวน 2,500 ราย/วัน (เป็นผู้ขายประจำ 1,500 ราย และผู้ขายไม่ประจำ 1,000 ราย) จำนวนผู้ซื้อสินค้าในตลาดประมาณ 3,000 ราย/วัน ปริมาณการซื้อขายสินค้า 5,000 – 7,000 ตัน/วัน มูลค่าการซื้อขายประมาณ 100 – 150 ล้านบาท/วัน โดยตลาดศรีเมืองได้ร่วมกับภาครัฐ ในการพัฒนาเกษตรกรให้ผลิตพืชที่มีคุณภาพได้มาตรฐานและปลอดภัย เพื่อมุ่งเน้นให้ผลผลิตทางการเกษตรและอาหารมีความปลอดภัย เช่น การจัดตั้งศูนย์บริการเกษตรกร นอกจากนี้ สำนักงานพาณิชย์จังหวัดราชบุรี ได้ให้คำแนะนำและประสานงานกับบริษัทเป็นอย่างดี มุ่งเน้นการคุ้มครองผู้บริโภค โดยทางตลาดฯ มีการดำเนินการตามหลักการจัดชั้นคุณภาพสินค้า AGQC คือ กำหนดให้ผู้ประกอบการค้าที่นำผลผลิตเข้ามาจำหน่าย ทำการคัดแยกสินค้า และบรรจุตามน้ำหนักที่ทางตลาดกำหนด หรือแสดงน้ำหนักให้ชัดเจนที่บรรจุภัณฑ์ ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่ของทางตลาดทำการตรวจสอบคุณภาพสินค้าเป็นประจำทุกวัน ด้านมาตรฐานเครื่องชั่งทางตลาดฯ ได้ร่วมกับทางสำนักงานชั่งตวงวัด เขต 0-2 ราชบุรี มาให้บริการตรวจรับรองมาตรฐานเครื่องชั่งเป็นประจำทุกปี กำหนดให้ผู้ประกอบการติดป้ายแสดงราคาในสินค้าควบคุมให้ชัดเจน โดยเน้นความปลอดภัยของสินค้าเป็นสำคัญ พร้อมกันนี้ได้ให้ความร่วมมือในการจัดกิจกรรมส่งเสริมด้านการตลาดต่างๆ ส่งผลให้ผู้ประกอบการสามารถจำหน่ายสินค้าได้ดีตลอดมา สำหรับ “ ฟิช วิลเลจ ราชบุรี” (Fish Village Ratchaburi) ตลาดกลางปลาสวยงามและสัตว์เลี้ยงได้รับการส่งเสริมจากกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2558 เป็นแหล่งรวบรวมปลาสวยงามที่สำคัญของประเทศแห่งเดียวที่ทำให้ผู้ซื้อพบผู้ผลิตโดยตรง และเป็นแหล่งรวมเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงปลากว่า 20,000 บ่อ โดยมีปลาให้เลือกหลากหลายชนิด ตลอดจนยังเป็นแหล่งรวม สัตว์เลี้ยงนานาชนิดและอุปกรณ์การเลี้ยงอย่างครบวงจร อีกทั้งยังเป็นศูนย์รวมของคนรักปลาสวยงามที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียนอีกด้วย โดยมีจำนวนแผงของผู้ประกอบการในตลาด จำนวน 776 แผง จำนวนผู้ขายประจำ 230 ราย/วัน จำนวนผู้ขายไม่ประจำ 45 ราย/วัน และมีการจัดพื้นที่ลานเกษตรสำหรับให้เกษตรกรนำปลาสวยงามมาขายให้กับผู้ซื้อโดยตรง แบ่งพื้นที่ลานเกษตรจำนวน 396 แผง ปริมาณการซื้อขายปลาและสัตว์เลี้ยงในตลาดเดือนละ 40,000 – 45,000 ตัว มูลค่าการจำหน่ายไม่ต่ำกว่าเดือนละ 20 ล้านบาท นอกจากนี้ยังได้ตรวจเยี่ยมโครงการ “สถานีบริการน้ำมันเต็มลิตร” ซึ่งได้ริเริ่มโครงการมาตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ.2546 จนถึงปัจจุบัน มีผู้สมัครเข้าร่วมโครงการฯ แล้วเป็นจำนวนทั้งสิ้น 1,671 แห่ง โดยแยกเป็น กรุงเทพและปริมณฑลจำนวน 215 แห่ง และในส่วนของต่างจังหวัดอีกจำนวน 1,456 แห่ง ซึ่งเป็นการสร้างความมั่นใจให้แก่ประชาชนที่จะใช้บริการเติมน้ำมันเชื้อเพลิงจากสถานีบริการที่เข้าร่วมโครงการว่าจะได้รับปริมาณน้ำมันเต็มจำนวน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในโอกาสนี้ได้รับฟังข้อเสนอแนะจากผู้ประกอบการที่ต้องการ รับการสนับสนุนจากกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ โดยตลาดศรีเมือง ต้องการรับการสนับสนุนเรื่องค่าใช้จ่ายอุปกรณ์ น้ำยาตรวจสอบสารพิษและสารตกค้าง ซึ่งตลาดมี lab ตรวจสารพิษ สารตกค้าง มีการสุ่มตัวอย่างผักตรวจวันละ 60 ตัวอย่าง และตรวจสอบอาหารของร้านอาหารในตลาดทุกร้านทุกเดือน จึงต้องการพัฒนาเป็นศูนย์บริการแบบเบ็ดเสร็จ One Stop Service ในการตรวจสอบสารพิษและสารตกค้างได้ครบถ้วน สามารถเชื่อมโยงการส่งออก และต้องการให้สนับสนุนการส่งเสริมการรวมกลุ่มของเกษตรกร รวมทั้งประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรับทราบว่าเป็นตลาดผักปลอดภัย สำหรับตลาดกลางปลาสวยงามและสัตว์เลี้ยงจังหวัดราชบุรี ต้องการให้กรมการค้าภายในจัดกิจกรรมเชื่อมโยงผู้ซื้อ ผู้ขาย และส่งเสริมการค้าโดยจัดกิจกรรมต่อเนื่องทุกๆ ปี และจัดอบรมให้ความรู้แก่ผู้ประกอบการด้านการค้าทั้งภายในและต่างประเทศ รวมทั้งขั้นตอนในการส่งออก ซึ่งกระทรวงพาณิชย์จะนำข้อเสนอแนะของผู้ประกอบการไปเป็นข้อมูลในการพัฒนาและกำหนดแนวทางส่งเสริมต่อไป