เมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา สโมสร เลสเตอร์ ซิตี ออกมาแถลงยืนยันอย่างเป็นทางการว่าได้แยกทางกับกุนซืออย่าง เคลาดิโอ รานิเอรี เป็นที่เรียบร้อยแล้ว หลังจากผลงานห่วยเกินทนในฤดูกาลนี้ ย้อนกลับไปเมื่อฤดูกาลที่แล้วไม่มีใครเชื่อว่า “ทิงเกอร์แมน” ที่ไม่เคยประสบความสำเร็จในการคว้าแชมป์ใดๆ มาก่อน จะนำทีม “จิ้งจอกสยาม” สร้างปาฏิหาริย์ด้วยการก้าวขึ้นไปเถลิงแชมป์พรีเมียร์ลีกเป็นครั้งแรกของสโมสรในรอบ133ปี ชนิดหักปากกาเซียนทุกสำนัก ผลงานดังกล่าวทำให้เขาถูกยกย่องและได้รางวัลมากมายไม่ว่าจะเป็นกุนซือยอดเยี่ยมแห่งปีของลีกอังกฤษ รวมถึงรางวัลใหญ่อย่างโค้ชยอดเยี่ยมแห่งปีของฟีฟ่าประจำปี 2016 แต่มาในปีนี้ กลับสวนทางกัน รานิเอรี ทำทีมรั้งอันดับ 17 ของตาราง ห่างโซนตกชั้นคะแนนเดียว จากการแข่งไป 25นัด ชนะแค่5เกม เสมอไป6 และแพ้ไปถึง14เกม โดยในเกมเยือนปีนี้ “เดอะ ฟ็อกซ์”ยังไม่สามมารถคว้าชัยได้เลยแม้แต่เกมเดียว แถมยังตกรอบบอลถ้วยในประเทศทั้งหมด ผลงานที่ย่ำแย่สุดขีด แน่นอนว่าสิ่งหนึ่งเป็นเพราะทีมเสีย เอ็นโกโล ก็องเต กองกลางตัวรับคนเก่งไปให้กับ เชลซี ซึ่งยังไม่มีใครสามารถทดแทนนักเตะรายนี้ได้เลย แถมนักเตะรายใหม่ที่เข้ามาทั้ง อิสลาม สลิมานี ,รอน โรเบิร์ต ซีเลอร์,อาเหม็ด มูซา,หลุยส์ เอร์นันเดซ,นัมปลายส์ เมนดี, และ วิลเฟร็ด เอ็นดิดี ยังไม่มีใครทำผลงานได้คุ้มค่าตัวเลยแม้แต่คนเดียว ไหนจะความมุ่งมั่นที่หายไปของ นักเตะ “จิ้งจอกสยาม” หลังสร้างสร้างความฮือฮาคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา ซึ่งสิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นความรับผิดชอบโดยตรงของ รานิเอรี ในฐานะหัวเรือใหญ่ กุนซือวัย 65ปี คุมทีมนัดสุดท้าย ในเกมยูฟา แชมเปียนส์ลีกรอบ 16 ทีมเลกแรก ที่เลสเตอร์ บุกพ่ายเซบีญา 1-2 โดยทำสถติคุมทีมลงเล่นไปทั้งสิ้น 81 นัด ชนะ 36 เสมอ 22 แพ้ 23 นัด ซึ่งถูกยกย่องให้เป็นกุนซือที่ประสบความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่มากที่สุดของทีมตลอดกาล ชนะถึง 44% แซงหน้ามาร์ติน โอนีล ผู้พา “เดอะ ฟ็อกซ์” ผงาดในยุค 90 ไปเรียบร้อย และถ้าหากรวมผลงานของ รานิเอรี ในถิ่น “คิงพาวเวอร์ สเตเดียม” กับเมื่อครั้งคุม เชลซี เข้าด้วยกัน นายใหญ่ชาวอิตาเลียน ลงคุมทีมไปแล้ว 209 นัด ชนะ 104 นัด คิดเป็น 49.8% ซึ่งนับเป็นอันดับ 5 ในบรรดาผู้จัดการทีมที่เคยคุมทีมในพรีเมียร์ลีกเกิน 200 นัด เป็นรองเพียงแค่ ราฟา เบนิเตซ, อาร์แซน เวงเกอร์, โชเซ มูรินโญ และเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เท่านั้น มองในแง่สถิติ รานิเอรี ถือว่าประสบความสำเร็จ มากกว่ากุนซือรายอื่นๆที่กำลังคุมทีมในพรีเมียร์ลีกด้วยซ้ำไป และก็เชื่อว่าคงไม่มีกุนซือ รายไหน ที่จะสร้างทีมจากระดับ แชมเปียนชิพ มาสู่ การเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีก ได้อีกแล้ว ไม่ว่าจะยังไง ในส่วนตัวผม ถือว่า รานิเอรี ไม่ล้มเหลวแต่ด้วยประการทั้งปวง เพียงแค่นักเตะดันหมดความกระหายเสียกันเสียเอง ซึ่งเกมต่อไปเกมต่อไปของเลสเตอร์ ซิตี้นั้นจะมีขึ้นในวันจันทร์ โดยเป็นการต้อนรับการไปเยือนของ ลิเวอร์พูล ในศึกพรีเมียร์ลีก และการเตรียมทีมจะเป็นหน้าที่ของผู้ช่วยผู้จัดการทีมอย่างเคร็ก เชคสเปียร์ และ โค้ชทีมชุดใหญ่อย่างไมค์ สโตว์ โดยทั้งคู่จะรับหน้าที่นี้ก่อนที่จะหากุนซือใหม่เข้ามารับงานได้ แน่นอนสิ่งแรกที่2โค้ชชั่วคราวจะต้องเร่งทำ คือการปลุกความกระหายของแข้ง “จิ้งจอก” ให้กลับมาดั่งเช่นฤดูกาลที่แล้ว เพราะหากยังเล่นแบบไร้แรงจูงใจแบบนี้ หายนะจะรออยู่ข้างหน้า