“ศานิตย์-ไทยเบฟฯ” แจงไม่เคยเป็นที่ปรึกษา-ไม่เคยรับเงินเดือน "รักษเกชา" เผย รอพฤหัสนี้! ที่ประชุมป.ป.ช.รับรองว่าชี้แจงตรงกับที่แจ้งในบัญชีทรัพย์สินฯหรือไม่ เมื่อเวลา 13.45 น. วันที่ 28 ก.พ. ที่สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน นายรักษเกชา แฉ่ฉาย เลขาธิการผู้ตรวจการแผ่นดิน กล่าวภายหลังการประชุมผู้ตรวจการแผ่นดิน ว่า ที่ประชุมได้พิจารณาหนังสือชี้แจงของ พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) และสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) กรณีถูกกล่าวหาว่า รับเงินเดือนที่ปรึกษาจากบริษัทไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ตั้งแต่ปี 58 จนถึงปัจจุบัน เดือนละ 50,000 บาท เข้าข่ายความผิดต่อจริยธรรม และกฎหมายคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) พร้อมกับหนังสือชี้แจงของบริษัทไทยเบฟฯ โดยพล.ต.ท.ศานิตย์ ชี้แจงว่าไม่ได้เป็นที่ปรึกษา จึงไม่มีการรับเงินในตำแหน่งดังกล่าว นายรักษเกชา กล่าวว่า ส่วนที่ถูกระบุว่ามีการแจ้งว่าได้รับเงินดังกล่าวไว้ในบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินต่อ ป.ป.ช. อาจจะมีความผิดพลาด เพราะได้ให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการเตรียมเอกสารและยื่นให้ โดยไม่ได้ทำด้วยตัวเอง จึงอาจมีความเข้าใจผิด ขณะที่บริษัทไทยเบฟฯ ได้ชี้แจงว่า ไม่ได้จ้างพล.ต.ท.ศานิตย์เป็นที่ปรึกษาของบริษัทฯ ทั้งนี้ ทาง ป.ป.ช.ยังไม่ได้ส่งสำเนาหนังสือรายละเอียดชี้แจงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของพล.ต.ท.ศานิตย์ ที่ทางผู้ตรวจการฯได้ขอไป โดยทราบว่าทาง ป.ป.ช.จะมีการนำเข้าที่ประชุมในวันที่ 2 มี.ค.นี้ ก่อนที่จะมีการส่งมา และหากผู้ตรวจการฯ ได้รับหนังสือดังกล่าวก็จะนำเข้าที่ประชุมผู้ตรวจการแผ่นดินโดยเร็ว ก่อนที่รัฐธรรมนูญใหม่จะประกาศใช้ “แม้ก่อนหน้านี้จะมีหนังสือรายละเอียดชี้แจงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของ พล.ต.ท.ศานิตย์ในรายการรับเงินที่ปรึกษาบริษัทไทยเบฟฯ ปรากฏทางสื่อ แต่ผู้ตรวจการฯ ก็ต้องรอดูเอกสารจากหน่วยงานที่เป็นเจ้าของเอกสาร คือ ป.ป.ช. ซึ่งจะมีการเซ็นต์รับรองเอกสาร ดังนั้นขณะนี้จึงบอกไม่ได้ว่า พล.ต.ท.ศานิตย์ผิดหรือถูก เพราะถ้าเอกสารของ ป.ป.ช.ยืนยันว่า พล.ต.ท.ศานิตย์มีการแจ้งรับเงินที่ปรึกษาดังกล่าวทางผู้ตรวจการฯ ก็ต้องถามพล.ต.ท.ศานิตย์อีกรอบ เพื่อให้ยืนยันว่า ได้มีการตรวจสอบก่อนที่จะเซ็นต์รับรองการแจ้งบัญชีทรัพย์สินก่อนหรือไม่ เพราะผู้ที่เซ็นต์รับรองถือว่าต้องเป็นผู้รับผิดชอบ ส่วนจะเป็นการตกลงกันระหว่าง พล.ต.ท.ศานิตย์กับบริษัทไทยเบฟฯ หรือไม่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง และการระบุไม่ตรงข้อเท็จจริงจะเป็นการให้ข้อมูลเท็จกับ ป.ป.ช.หรือไม่ เป็นเรื่องที่ ป.ป.ช.ต้องพิสูจน์ เราต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย” นายรักษเกชากล่าว