เมื่อวันที่13 ตุลาคม 2559 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เสด็จสู่สวรรคาลัยสร้างความโศกเศร้าเสียแก่พสกนิกรชาวไทยทั้งแผ่นดิน นับถึงวันนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 เสด็จสู่สวรรคาลัยรวม124วันแล้ว ความอาลัยโศกเศร้าอาดูรของคนไทยยังไม่จางหาย ยังคงรำลึกและน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชรัชกาลที่ 9 ที่ทรงเป็นศูนย์รวมจิตใจเชื่อมสายใยให้คนไทยเป็นหนึ่งเดียวมีความสามัคคีกัน เอื้อเฟื้อช่วยเหลือซึ่งกันและกัน เป็นที่ประจักษ์ให้คนทั้งโลกได้เห็นว่า พสกนิกรชาวไทยเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ก่อให้เกิดภาพความประทับใจมากมาย เพราะทุกคนต่างรู้ว่า ต้องลุกขึ้นมารวมพลังทำความดีเพื่อพ่อของปวงชนชาวไทย แสดงถึงความจงรักภักดีและความภาคภูมิใจที่ได้เกิดมาบนแผ่นดินไทยใต้ร่มพระบารมีของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในรัชกาลที 9 พระมหากษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่ ที่นำความผาสุก ร่มเย็นให้กับพสกนิกรของพระองค์ท่านตลอดระยะเวลาครองราชย์ 70 ปี ภาพแห่งความสามัคคีรวมพลังทำความดีเดินตามคำสอนของพ่อเป็นภาพความประทับใจที่เกิดขึ้นณ พื้นที่ท้องสนามหลวง คือ ความเกื้อกูลซึ่งกันและกันของประชาชนชาวไทย เป็นที่มาของกระทรวงวัฒนธรรมได้จัดพิธีมอบเกียรติบัตร “น้ำใจ ไมตรี” แก่จิตอาสาที่ทำความดีเพื่อพ่อ ณ ท้องสนามหลวงเมื่อวันที่ 27 ก.พ.ที่ผ่านมา นายวีระ โรจน์พจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (วธ) เป็นประธานในพิธีมอบเกียรติบัตร “น้ำใจ ไมตรี” ณ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย ได้กล่าวว่า รู้สึกยินดีและเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้มาเป็นประธานมอบเกียรติบัตรให้กับจิตอาสาทำความดีเพื่อพ่อ ณ ท้องสนามหลวง เป็นการส่งเสริมค่านิยม12ประการที่ทางรัฐบาลได้มีการรณรงค์ โดยเฉพาะเรื่องของ น้ำใจ ไมตรี ที่เป็นเอกลักษณ์ของประชาชนคนไทย ทั้งการไหว้ การกล่าวขอบคุณ การขอโทษ ตลอดจนการแสดงความเอื้อเฟื้อเกื้อกูลให้อภัยด้วยเมตตา เป็นการสืบทอดความเป็นไทยมาจนถึงทุกวันนี้ ซึ่งเป็นที่น่าชื่นชมอย่างยิ่ง กระทั้งในวันที่ 13 ตุลาคม2559 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช สวรรคต สร้างความโศกเศร้าเสียใจของพสกนิกรชาวไทยทั้งแผ่นดิน ณ วันนี้มีประชาชนจำนวนมากเดินทางมากราบสักการะพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 อย่างต่อเนื่องเกือบ 5 ล้านกว่าคนแล้ว พร้อมทั้งมีจิตอาสาเป็นจำนวนมากที่มาช่วยเหลืออำนวยความสะดวกในเรื่องต่างๆ ภายในท้องสนามหลวง ซึ่งสิ่งที่น่ายกย่องและชื่นชม จึงได้จัดตั้งศูนย์น้ำใจ ไมตรี ทำความดีเพื่อพ่อ ณ ท้องสนามหลวง โดยกรมส่งเสริมวัฒนธรรม และการจัดงานในครั้งก็เพื่อแสดงความยินดีและยกย่องให้กำลังใจแก่ผู้มีจิตอาสา และขอให้ท่านภาคภูมิใจ และเห็นคุณค่าแห่งความดีที่ได้ปฏิบัติต่อสังคม พร้อมเป็นแบบอย่างการดำรงตนต่อครอบครัวและสังคมสืบไป “ขอแสดงความชื่นชม ผู้ก่อตั้งจิตอาสา น้ำใจไมตรี และหน่วยงานทุกภาคส่วนที่รวมมือกัน การที่ประชาชนประชาวไทยมีจิตอาสา ทำงานเพื่อประโยชน์ส่วนรวม เปรียบเหมือนการปิดทองหลังพระนั้นก็เป็นที่น่ายินดีและภาคภูมิใจอย่างยิ่งที่ทุกคนร่วมแรงใจ แรงกายเพื่อทำความดีน้อมถวายแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เพราะสิ่งที่พวกท่านทำถึงจะไม่คิดว่าต้องได้รับสิ่งตอบแทนอย่างใด แต่การที่ได้รับเกียรติบัตรในครั้งนี้เป็นรางวัลที่แสดงให้รู้ว่าพวกท่านทุกคนเป็นการสร้างกำลังใจและแบบอย่างที่ดีให้กับสังคม ทางกระทรวงวัฒนธรรมอยากให้ชาวไทยมีจิตอาสา มีน้ำใจ ไมตรี เพิ่มมากขึ้น เพราะทำให้สังคมไทยอยู่อย่างร่มเย็นเป็นสุข สำหรับกิจกรรมทั้งหลาย เช่น การทำความสะอาด การดูแลรักษาความปลอดภัย การอำนวยความสะดวกด้านต่าง ๆ ให้กับประชาชนที่เดินทางมาถวายสักการะพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 จิตอาสาบริการมอเตอร์ไซต์ รถจักยานจิตอาสา การแจ้งข้อมูลข่าวสารต่าง ๆ และการจัดตั้งกลุ่มทำดอกไม้จัน การสาธิต การสอนให้ทำดอกไม้จัน เป็นต้น ที่ได้มาช่วยกันทำเพื่อถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุยเดช เป็นสิ่งที่ชาวไทยทุกคน มีความภาคภูมิใจที่ได้เกิดมามีพระมหากษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่และอาศัยอยู่ในแผ่นดินนี้ ทรงครองราชย์ด้วยทศพิธราชธรรม สร้างคุณูปการมากมายมหาศาล ทรงพระราชกรณียกิจให้คุณแก่พสกนิกรชาวไทยอย่างมากมายมหาศาลทำให้ประเทศชาติมีแต่ความผาสุก ประชาชนอยู่อย่างพึ่งพาตนเองได้ ปัดเป่าความทุกข์ยากให้กับราษฎรพ้นจากความอยากจน” นายวีระ กล่าว รายงาน/ฤทัยรัตน์ เมืองกฤษณะ