เมื่อเวลา 17.00น. วันที่ 10 ส.ค. 59ร.ต.อ.เอกภพ ภู่ทอง สว.(สอบสวน) สภ.ตะกั่วทุ่ง จ.พังงา ได้รับแจ้งว่าเกิดอุบัติเหตุ รถกระบะหลุดโค้งตกสะพาน บริเวณถนนเพชรเกษมสายหลัก พังงา –ภูเก็ต บ้านเชียงใหม่ หมู่ที่ 7ต.กะไหล อ.ตะกั่วทุ่ง จ.พังงาจึงได้ไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อม พ.ต.ท.สมคิด ขาวสังข์ รอง ผกก.สภ.ตะกั่วทุ่ง จ.พังงาเมื่อไปถึงที่เกิดเหตุฝั่งขาเข้าจังหวัดภูเก็ต พบว่ารถกระบะสี่ประตูสีขาว ยี่ห้ออีซูซุ รุ่นดีแมกซ์ เลขทะเบียน กธ 8623 ภูเก็ต ตกไปอยู่ใต้สะพานซึ่งมีความลึกจากพื้นถนนลงไปถึง 5เมตร สภาพหงายท้องพังยับเยินทั้งคันน้ำมัน มีผู้บาดเจ็บ1 ราย เจ้าหน้าที่กู้ชีพกู้ภัยได้นำส่งโรงพยาบาลพังงาพร้อมกับลงบันทึกไว้เป็นหลักฐานต่อไป
จากการสอบถามคนขับทราบชื่อนายวิโรจน์ กุลดี อายุ 50ปี ที่ปรึกษานายก อบต.พรุใน อยู่บ้านเลขที่ 106/8 ม.3ต.พรุใน อ.เกาะยาวใหญ่ จ.พังงา เล่าให้ฟังว่า ตนเองเป็นคนขับมากับเพื่อนชื่อนายบังโสด เด่นสิริ อายุ 67 ปี อยู่บ้านเลขที่ 184 ม.4ต.ป่าคลอก อ.ถลาง จ.ภูเก็ต 2 คน ออกมาจากตัวเมืองพังงา ขับมาประมาณ 60-70เพื่อมุ้งหน้าเข้าภูเก็ตและจะไปขึ้นเรือกลับบ้านที่เกาะยาว เมื่อมาถึงจุดเกิดเหตุ เป็นทางโค้งอันตราย รู้สึกตอนเข้าโค้งล้อหน้าลื่นไถล ตนจึงหักพวงมาลัยกลับแต่รถยังพุ่งไปที่ราวสะพาน และปืนราวสะพานตกลงไปใต้สะพาน โชคดีที่ตนเองและเพื่อนรัดเข็มขัดนิรภัยและขับมาไม่เร็ว จึงทำให้ตนเองไม่เป็นอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว ส่วนเพื่อนเจ็บชายโครงด้านขวาจึงให้ไปตรวจที่โรงพยาบาล และคิดว่าไม่ใช่ลื้นน้ำเพราะฝนไม่ตก น่าจะเป็นน้ำมันมากกว่า นายวิโรจน์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า บริเวณดังกล่าวเกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้งมาก โดยเฉพาะ 2อาทิตย์ที่ผ่านมานี้ เกิดอุบัติเหตุรถยนต์ตกใต้สะพานที่ลึกลงไปกว่า 5 เมตร ถึง 4คันแล้ว และที่ไม่ตกลงไปกว่า 15คัน จึงเป็นที่น่าสังเกตุว่าทำไม่ไม่มีป้าย สัญญาลักษณ์ รวมถึงทาสีแดงที่ถนน ไว้คอยบอกเตือนให้กับผู้ที่ใช้รถใช้ถนนเลย
จากการสอบถามคนขับทราบชื่อนายวิโรจน์ กุลดี อายุ 50ปี ที่ปรึกษานายก อบต.พรุใน อยู่บ้านเลขที่ 106/8 ม.3ต.พรุใน อ.เกาะยาวใหญ่ จ.พังงา เล่าให้ฟังว่า ตนเองเป็นคนขับมากับเพื่อนชื่อนายบังโสด เด่นสิริ อายุ 67 ปี อยู่บ้านเลขที่ 184 ม.4ต.ป่าคลอก อ.ถลาง จ.ภูเก็ต 2 คน ออกมาจากตัวเมืองพังงา ขับมาประมาณ 60-70เพื่อมุ้งหน้าเข้าภูเก็ตและจะไปขึ้นเรือกลับบ้านที่เกาะยาว เมื่อมาถึงจุดเกิดเหตุ เป็นทางโค้งอันตราย รู้สึกตอนเข้าโค้งล้อหน้าลื่นไถล ตนจึงหักพวงมาลัยกลับแต่รถยังพุ่งไปที่ราวสะพาน และปืนราวสะพานตกลงไปใต้สะพาน โชคดีที่ตนเองและเพื่อนรัดเข็มขัดนิรภัยและขับมาไม่เร็ว จึงทำให้ตนเองไม่เป็นอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว ส่วนเพื่อนเจ็บชายโครงด้านขวาจึงให้ไปตรวจที่โรงพยาบาล และคิดว่าไม่ใช่ลื้นน้ำเพราะฝนไม่ตก น่าจะเป็นน้ำมันมากกว่า นายวิโรจน์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า บริเวณดังกล่าวเกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้งมาก โดยเฉพาะ 2อาทิตย์ที่ผ่านมานี้ เกิดอุบัติเหตุรถยนต์ตกใต้สะพานที่ลึกลงไปกว่า 5 เมตร ถึง 4คันแล้ว และที่ไม่ตกลงไปกว่า 15คัน จึงเป็นที่น่าสังเกตุว่าทำไม่ไม่มีป้าย สัญญาลักษณ์ รวมถึงทาสีแดงที่ถนน ไว้คอยบอกเตือนให้กับผู้ที่ใช้รถใช้ถนนเลย