ทรงสร้างประโยชน์สุขสู่ปวงประชา เยาวชนเดินตามพระราชดำริ “ภูมิใจที่วันนี้ได้เข้ามาเรียนรู้หลักการทรงงาน” (1) เสกสรร สิทธาคม [email protected] ในหลายปีต่อเนื่องกันมาสำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ(สำนักงานกปร.)ดำเนินโครงการ “ค่ายเยาวชนรู้งานสืบสานพระราชดำริ” RDPB CAMP ปีละหลายรุ่น เยาวชนที่สำนักงานกปร.ชวนเข้าร่วมโครงการ เป็นระดับอุดมศึกษาหรือเรียกง่ายๆว่าเด็กมหาวิทยาลัย ที่ไม่นานนักจะจบการศึกษาปริญญาเป็นบัณฑิต เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชรัชกาลที่9 เพื่อซึมซับปลูกฝังการดำเนินชีวิตที่ดีงาม โดยเดินตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงตามแนวพระราชดำริที่พระราชทานไว้ให้นำสู่การปฏิบัติในชีวิตประจำวันอันรวมไปถึงนำไปประยุกต์ในอาชีพการงานด้วย มีจุดหมายปลายทางคือความสุขสงบบนความพออยู่พอกิน ไม่อดอยากขาดแคลน หลักการหรือปรัชญาที่พระราชทานเป็นแนวทางให้น้อมนำปฏิบัติเพื่อให้พิสูจน์ว่าจุดหมายคือความสุขอย่างยั่งยืนเกิดขึ้นแน่นอนถ้าเดินตามแนวพระราชดำริ นั่นคือฝึกฝนต้องมีความขยันหมั่นเพียร อดทน รู้จักอดออม ไม่ดำเนินชีวิตด้วยความโลภ มีความรักความเมตตาสามัคคีกัน ไม่แก่งแย่ง แต่ต้องเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ช่วยเหลือเกื้อกูลแบ่งปันกัน ปลูกฝังสำนึกแห่งความกตัญญูรู้คุณ มีความซื่อสัตย์สุจริตในการดำเนินชีวิต แล้วเป้าหมายคือความสุขความสำเร็จจะมาถึงคนคนนั้นแน่นอน โครงการดังกล่าวนำเยาวชนที่สมัครเข้าร่วมไปศึกษาเรียนรู้ ลงมือทำการดำเนินชีวิต ทั้งในการลองทำอาชีพ การใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน การรู้จักทำให้ลุล่วงอย่างมีเงื่อนเวลาที่จะต้องมีทั้งความขยัน ความอดทน ในการร่วมกันทำต้องมีความสามัคคีกัน ถ้าผิดพลาดต้องให้อภัยกันด้วยรักและเมตตากัน โดยนำเยาวชนนักศึกษาแต่ละรุ่นไปใช้ชีวิตจริงในพื้นที่โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริเช่นพื้นที่ศูนย์ศึกษาการพัฒนาอันเนื่องมาจากพระราชดำริทั้ง 6 แห่งที่ตั้งอยู่ทุกภูมิภาค ในศูนย์ศึกษาการพัฒนาฯแต่ละแห่งมีผลสำเร็จเป็นต้นแบบด้านการดำเนินชีวิตทั้งการประกอบอาชีพ ทั้งการใช้ชีวิตประจำวันบนพื้นฐานแห่งความดีงามตามแนวพระราชดำริที่พระราชทานให้ทุกภาคส่วนร่วมกันทำจนนำไปสู่ผลสำฤทธิ์ ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาแหล่งน้ำ การพัฒนาดิน การอนุรักษ์ฟื้นฟูต้นไม้ ทรัพยากรธรรมชาติ การพัฒนาพันธุ์พืชพันธุ์สัตว์ พัฒนาอาชีพจากผลผลิตที่มีอยู่เป็นต้นแบบไว้ในศูนย์ศึกษาการพัฒนาฯ รอบๆศูนย์ศึกษาการพัฒนาฯมีผลสำฤทธิ์จากชาวบ้านที่เข้ามาศึกษาเรียนรู้ลงมือทำในศูนย์ศึกษาฯแล้วนำกลับไปปรับประยุกต์ใช้ในพื้นที่ตนเองจนประสบผลสำเร็จ สำนักงานกปร.นำเยาวชนนักศึกษาไปซึมซับศึกษา เรียนรู้ ลงมือทำเพื่อกาลข้างหน้าจะได้มีโอกาสได้ใช้ประสบการณ์การซึมซับตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงฯไปประยุกต์ใช้ได้จริงในสังคม อย่างเช่นนำเยาวชนนักศึกษาไปเรียนรู้ไปทำความเข้าใจในคุณค่าของปัจจัยสำคัญในการดำรงชีวิตอย่างเช่น “น้ำ”ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่9 ทรงชี้ให้เห็นว่าเป็นความสำคัญต่อสรรพชีวิต พระราชทานพระราชดำรัสไว้ว่า มีน้ำชีวิตอยู่ได้ ไม่มีน้ำชีวิตอยู่ไม่ได้ มีไฟฟ้าไม่มีน้ำคนอยู่ไม่ได้ กับเรื่อง “น้ำคือชีวิต...สร้างได้ด้วยมือเรา” ในคราวหนึ่งที่นำเยาวชนระดับอุดมศึกษาจากทั่วทุก ภูมิภาคของประเทศ จำนวน 80 คน ร่วมเรียนรู้แนวพระราชดำริและหลักการทรงงานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่9 โดยเน้นให้เห็นความสำคัญของน้ำโดยเฉพาะและสามารถสร้างได้ด้วยมือตนเอง ในคราวนั้นมีเยาวชนศึกษาจากจากสถาบันการศึกษาทั่วประเทศที่สนใจเข้าร่วมโครงการถึง 18 สถาบัน ประกอบด้วยมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ มหาวิทยาลัยรามคำแหง วิทยาเขตหัวหมาก มหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราช มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดสกลนคร มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี สถาบันพลศึกษา วิทยาเขตสมุทรสาคร มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลสุวรรณภูมิ จังหวัดสุพรรณบุรี มหาวิทยาลัยราชภัฏร้อยเอ็ด วิทยาลัยการเมืองการปกครอง มหาวิทยาลัยมหาสารคาม มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตสกลนคร มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ มหาวิทยาลัยทักษิณ จังหวัดพัทลุง มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี วิทยาลัยโพธิวิชชาลัย มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ จังหวัดสระแก้ว มหาวิทยาลัยภาคกลาง จังหวัดนครสวรรค์ วิทยาลัยนาฏศิลปจันทบุรีและมหาวิทยาลัยราชภัฏกาฬสินธุ์ เพื่อร่วมเรียนรู้การพัฒนาตามแนวพระราชดำริผ่านโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ นั่นเป็นโครงการช่วงวันที่ 26 มิถุนายน ถึง 2 กรกฎาคม2558 ที่ผ่านมา ในหนนี้อดีตองคมนตรี นายอำพล เสนาณรงค์ มาเป็นประธานเปิดโครงการค่ายเยาวชนรู้งานสืบสานพระราชดำริ โดยกล่าว ว่า สำนักงานกปร.พยายามจะถ่ายทอดผลสำเร็จต้นแบบต่างๆจากการทรงงานของพระบาทสมเด็จพระเจ้ายู่หัวรัชกาลที่9สู่ประชาชนชาวไทยทุกคน ปกติก็ถ่ายทอดในหลายระดับทั้ง ผู้ใหญ่ และ ทั้งผู้ที่ทำงานโดยตรง ขณะเดียวกันเยาวชนก็ถือว่าเป็นผู้ที่กำลังสนใจ ศึกษาเล่าเรียน ก็ควรจะได้ทราบ ความรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ เพราะเป็นงานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชรัชกาลที่9 ซึ่งพระองค์ท่านก็ทรงทรงงานไว้มาก เพราะฉะนั้นก็ให้เด็กรุ่นใหม่มีโอกาสเข้ามาศึกษางานของพระองค์ท่านดู การที่จะศึกษางานของพระองค์ท่านนั้นก็ต้องไปเห็นของจริง โดยได้รับฟังจากชาวบ้านหรือข้าราชการผู้ทราบงานผู้ที่เคยถวายงาน ถ่ายทอดให้ทราบ ขณะเดียวกันก็ไปดูตัวอย่างงานอาชีพบางอย่างที่ประสมผลสำเร็จเพราะน้อมนำแนวทางอันเนื่องมาจากพระราชดำริไปปรับประยุกต์ใช้ในพื้นที่ตัวเอง ซึ่งอันนี้ก็ต้องเลือกที่เหมาะสม เพราะว่าเยาวชนก็มาจากสถาบันการศึกษา และหลายท้องที่ เราก็พยายามที่จะให้ได้ทราบ “แต่ว่าอย่างที่ทราบดีว่างานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่9 ทั้งหมดก็ 4000 กว่าโครงการ ในเรื่องของน้ำก็เห็นจะเกินครึ่ง เพราะฉะนั้นในครั้งนี้ก็จะเน้นไปดูเกี่ยวกับงานพัฒนาแหล่งน้ำของประเทศเรา ซึ่งเช่นเดียวกัน ก็มีมากมายเหลือเกิน ในเวลาที่จำกัด ระยะเวลา 7 วัน ก็อยู่ในช่วงที่สามารถไปได้ใกล้ ก็จะเน้นเรื่องน้ำเป็นหลัก” อดีตองคมนตรีสรุปว่า เยาวชนทุกคนมาจากหลายท้องถิ่น สถานศึกษาก็ต่างกัน ก็ให้พยายามที่จะศึกษาอย่างใกล้ชิด ผลงานของในหลวงในสถานที่ต่าง ๆ ก็ฟังที่เจ้าหน้าที่เขาชี้แจง ถ้าเห็นของจริงจะได้ประโยชน์กว่าจากที่เราดูในตำรา ก็คงให้ความสนใจ และถ้ามีโอกาสก็นำไปถ่ายทอดให้เพื่อนๆ พี่น้อง หรือ ผู้ใหญ่ที่ทำหน้าที่เกษตรกรในท้องถิ่น (อ่านต่อ)