ร่วมสมัย / จินตนา จันทร์ไพบูลย์ นาคาบันดาล“พลัฎฐ์ กุลจิตติเศรษฐ์”เกิดมาเพื่อสิ่งนี้ ในบางคนความบังเอิญและการแสวงหา ก่อเกิดความเชื่อและความศรัทธาจนชี้นำชีวิต แต่สำหรับบางคนเกิดมาพร้อมความเชื่อและแรงศรัทธาเป็นธงนำในการดำเนินชีวิต ใครจะไปคาดคิดว่า จากเด็กชายลูกช่างทองพื้นบ้านที่เคยถูกพ่อตี เพราะความคิดนอกกรอบในวันวาน จะกลายมาเป็นเจ้าของผลงานเครื่องประดับซึ่งเป็นที่ยอมรับและนิยมอย่างแพร่หลายในวันนี้ และด้วยจิตศรัทธาในพระพุทธศาสนาทำให้เขาได้มีส่วนในการสร้างสรรค์งานพุทธศิลป์ให้กับบ้านเกิด คือ “เกศพระพุทธรูปหลวงปู่ดำ” พระประธาน ณ พระอุโบสถ วัดพระธาตุบังพวน จ.หนองคาย อันเป็นหนึ่งในความภาคภูมิใจในชีวิตของเขา พลัฎฐ์ กุลจิตติเศรษฐ์ หรือ “กฤษณ์” เป็นที่รู้จักในฐานะเจ้าของร้านกวงทอง จ.หนองคาย ผู้ต่อยอดธุรกิจของครอบครัวโดยผสมผสานงานศิลปะกับความศรัทธาที่มีต่อองค์พญานาคอย่างวิจิตรบรรจง เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว จากผลงานคอลเล็กชัน “ตลับพระลาย15ค่ำ” ที่ได้แรงบันดาลใจจากความเชื่อของชาวหนองคายที่ว่าใน 1 ปีมีเพียง 1 ครั้งในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 หรือวันออกพรรษาที่องค์พญานาคจะพ่นลูกไฟในวันขึ้นมากลางลำน้ำโขง เป็น “พุทธบูชา” ด้วยแรงศรัทธาต่อบวรพุทธศาสนาและองค์สัมมาสัมพุทธเจ้า แต่ไม่สามารถบวชเรียนได้เยี่ยงมนุษย์ “ผมเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับพญานาคด้วยโลหะที่เป็นสีดำ หมายถึงแม่น้ำโขงในยามค่ำคืน ที่เราไม่สามารถมองเห็นองค์พญานาคทั้งองค์ลอยขึ้นมาเหนือผิวน้ำได้ แต่ในจินตนาการนึกไปถึงสระมุจรินทร์ และเราสัมผัสได้ถึงลูกไฟที่พุ่งขึ้นมา จึงร้อยเรียงเป็นเรื่องราวต่อยอดมาหลายคอลเล็กชัน” จนมาถึงผลงานล่าสุด “นาคกวงทอง” ที่เริ่มต้นทันทีเมื่อเขารับรู้ว่าภรรยาได้ตั้งครรภ์ จึงจินตนาการถึง “นาคองค์น้อย” และคิดถึงภาพลูกไฟกลมๆ ที่พุ่งขึ้นมาเหนือน้ำ พุ่งขึ้นสูงสุดแล้วก็จางหายไป แต่ในจินตนาการเมื่อลูกไฟดวงกลมได้พุ่งขึ้นมาเหนือน้ำ จะมี “นาคองค์น้อย” เลื้อยขึ้นมาให้พรสำหรับคนที่มีความเชื่อในองค์พญานาค “ด้วยจิตที่ศรัทธาต่อพระองค์ท่าน และความคิดสร้างสรรค์ที่เป็นเรา จึงเกิดผลงานขึ้น ในลูกไฟที่เราเห็นกันอยู่ บางคนอาจมองเห็นเป็นสีแดง บางคนก็มองเป็นสีส้ม ชมพูเรื่อๆ หรือสีขาว ผมเอาเรื่องราวเหล่านั้นมาร้อยเรียง จากลูกไฟเหล่านั้น ต่างสี ต่างจินตนาการ แต่ผมกำลังจะบอกว่า สิ่งสำคัญที่สุด มันเป็นเรื่องราวของคนในท้องถิ่น ผลงานเล่าเรื่องราวในความเป็นตัวตน ด้วยความเป็นแฮนด์เมด ทำขึ้นมาทีละชิ้น แต่ละชิ้นจึงไม่เหมือนกัน ยังไงก็ไม่เหมือนกันตามจินตนาการ คือนาคองค์น้อยคอยมาตามให้พร” “กฤษณ์” บอกว่าผลงานของเขาเริ่มต้นจากความเชื่อ ความศรัทธา ประกอบกับความรักบ้านเกิด รักความเป็นตัวตน หากทุกวันนี้สามารถต่อรองกับเทวดาได้ จะขอให้พ่อของเขากลับมามีชีวิตอยู่สักเสี้ยววินาที เพื่อให้ได้เห็นว่า สิ่งที่พ่อของเขาพร่ำสอนและตีลูก เพราะการคิดนอกกรอบในวันนั้น มันกลายเป็นแรงขับทำให้เกิดผลงานในวันนี้ “จำได้ตลับพระใบแรก ทำเสร็จแล้วเอาค้อนเล็กๆ มาทุบ ให้มีลักษณะเหมือนก้อนหิน แล้วเอาองค์พญานาคมาขดไว้ที่ก้อนหิน พอพ่อมาเจอเข้ากลับมองว่าผมทำหยาบ แทนที่จะเอาตะไบตะไบให้เนี้ยบ แต่ตอนนั้นเราไม่รู้ เรารู้แค่ว่าจะทำยังไงให้มันดูดำเหมือนเป็นเวลากลางคืน แล้วเอาพญานาคเลื้อยมาขด ผมคุยแบบนี้กับฝรั่ง เค้าบอกว่า สิ่งที่ผมคิด คือเป็นดีไซเนอร์ แต่ตอนนั้นผมแค่อยากทำตามสิ่งที่ผมคิด ผมเคยทำเลาะรุนแรงสุดกับคุณพ่อ และถามพ่อตรงๆ ว่า แปลว่าทั้งชาตินี้ผมต้องแกะลายกนกใช่ไหม ถ้าอย่างนั้นผมทำให้พ่อนะ ว่าอยากได้เดือนหนึ่งกี่กลอง ทำเสร็จปุ๊บ ผมก็แอบมาทำในสไตล์ของเรา กว่าที่มันจะมาเป็นแบบนี้ ต้องใช้เวลาตกผลึก เมื่อตกผลึกเสร็จคือต้องหาคนที่เค้าซื่อสัตย์กับเรามาวิจารณ์ชิ้นงานของเรา เป็นกระจกบานใหญ่ให้เรา คำที่พ่อสอน พ่อตี ว่าลูกทำแบบนี้แล้วไปเก็บเงินเค้า ลูกไม่อายเหรอ ลูกภูมิใจตรงไหน เป็นคำถามถึงเราทุกวัน มันทำให้เราพยายามสร้างสรรค์ผลงานให้ดีขึ้น แต่พอถึงวันนี้ มีคนชื่นชมผลงานผม แล้วพ่อผมอยู่ไหน...” เมื่อถามว่า เขาจะไม่ทำอะไรหากไม่มีศรัทธาใช่หรือไม่ “กฤษณ์” ตอบอย่างมั่นใจว่า “ไม่” “ผมโดนข้อหาอย่างหนึ่งในสังคม ที่คนไม่เข้าใจในทิศทางเรา แต่ผมยังคงมั่นคงในอุดมการณ์ ถึงแม้ว่าเส้นทางมันอาจจะมีคนทิ่มแทงเราบ้าง” “กฤษณ์”บอกว่าหลายครั้งที่ต้องตอบคำถามผู้คนว่า องค์พญานาคจะคุ้มครองผู้มีศรัทธาหรือไม่ เขาได้ตอบคนเหล่านั้นกลับไปว่า ให้ไปพิจารณาตนเองว่าได้ทำความดีอะไรหรือยัง ด้วยในพุทธประวัติ องค์สัมมาสัมพุทธเจ้าท่านทรงทำความดี และแสดงธรรมะเมตตาต่อชาวโลก ด้วยความเลื่อมใสศรัทธาพญานาคมุจลินทร์จึงแผ่พังพานป้องพระพุทธเจ้าเมื่อเกิดพายุฝนเป็นเวลา 7 วัน ขณะทรงบำเพ็ญเพียรที่ใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์ “หลักการเดียวกัน องค์พญานาคไม่สามารถปกป้องคุ้มครองทุกคนหรอก ถ้าตราบใดไม่ได้ทำความดี ต้องบอกไห้ได้ก่อนว่าทำความดีอะไร และความเชื่อขององค์พญานาคเหล่านี้จะมาคุ้มครองคุณเอง ผมไม่ต้องการให้คนคิดว่าพญานาคา พญานาคี ใส่แล้วจะรวย จะเฮง ขอได้ทุกอย่าง มันไม่จริง” กระนั้น “กฤษณ์” ฝากถึงคนรุ่นใหม่ว่า เมื่อคิดจะทำสิ่งใด ขอให้มีจิตใต้สำนึก หาความเป็นตัวเอง รักในสิ่งที่ทำ เมื่อหาเจอแล้วก็มุ่งมั่นเดินไปในสิ่งนั้น “ผมไม่เคยบอกว่าผลงานผม สวยที่สุด เจ๋งที่สุด แต่ผมมั่นใจว่าผมทำดีที่สุด สิ่งที่ผมรับรู้คือในความรู้สึกว่า เราเกิดมาเพื่อสิ่งนี้ เพื่อทำอย่างนี้ มันเป็นตัวตนของเรา”