ในปัจจุบัน อวานี โฮเทลส์ แอนด์ รีสอร์ท เปิดให้บริการแล้ว29แห่งทั้งในและต่างประเทศ แบ่งเป็น แบรนด์อวานี 25 แห่ง และแบรนด์อวานีพลัส4แห่ง กระจายใน12ประเทศ จึงทำให้สิ้นปี 2562 มีโรงแรมรวม31แห่ง รวมกับอีกสองแห่งที่กำลังจะเปิดใหม่ในปูซาน เกาหลี และบาหลี อินโดนีเซีย นอกจากนี้ยังเตรียมเปิดเพิ่มอีก11แห่งในปี2563ทั้งในประเทศไทย เมียนมา มาเลเซีย มัลดีฟส์ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โอมาน ตูนิเซีย และมอริเชียส ทำให้ปี 2563 มีโรงแรมในกลุ่มแบรนด์อวานีมากกว่า42แห่ง ซึ่ง นายฮาเวียร์ พาร์โดรองประธานฝ่ายปฏิบัติการ กลุ่มอวานี โฮเทลส์ แอนด์ รีสอร์ท ได้สะท้อนแผนการตลาดได้อย่างน่าสนใจ อวานีกลุ่มโรงแรมที่เติบโตเร็ว โดย นายฮาเวียร์ พาร์โด รองประธานฝ่ายปฏิบัติการ กลุ่มอวานี โฮเทลส์ แอนด์ รีสอร์ท กล่าวว่า แบรนด์อวานี เป็นโรงแรมแนวไลฟ์สไตล์ระดับอัพสเกลหรือ5ดาว เป็นกลุ่มแบรนด์ที่มีอัตราการเติบโตด้านจำนวนโรงแรมเร็วที่สุด เมื่อเทียบกับ8แบรนด์โรงแรมในกลุ่มบริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ เครือไมเนอร์ ด้วยอัตราเฉลี่ยในการเปิดโรงแรมใหม่ 8-10แห่งต่อปี และหลังจากเครือไมเนอร์ฯได้เข้าซื้อหุ้นเอ็นเอช โฮเทล กรุ๊ป เมื่อปีที่แล้ว ก็น่าจะมีส่วนช่วยเพิ่มโอกาสสร้างการเติบโตของทุกแบรนด์โรงแรมในเครือที่ยุโรปได้ไม่ยาก รวมถึงกลุ่มแบรนด์อวานีด้วย จากปัจจุบันมีเพียง1แห่งในโปรตุเกสเท่านั้น ส่วนหนึ่งในโปรเจคเปิดโรงแรมอวานีแห่งใหม่ปีนี้ คือ อวานี สุขุมวิท กรุงเทพฯ อยู่ในทำเลย่านอ่อนนุช ด้วยขนาด382ห้องพัก ถือเป็นโรงแรมอวานีแห่งที่ 3ในกรุงเทพฯ กำหนดเปิดอย่างเป็นทางการวันที่1ธันวาคม 2562นี้ หลังเริ่มให้บริการบางส่วนแล้วเมื่อวันที่1กรกฏาคม ที่ผ่านมา โดยโรงแรมดังกล่าว เป็นโรงแรมระดับอัพสเกลแห่งแรกในย่านอ่อนนุช หลังผลการศึกษาตลาดแล้วพบว่า ไม่มีแบรนด์โรงแรมจากเชนชื่อดังอื่นๆ ได้ปักหมุดบนทำเลถนนสุขุมวิทตอนปลาย หรือตั้งแต่โซนพระโขนง-อ่อนนุช เป็นต้นไป อวานี สุขุมวิทเจาะกลุ่มสัมมนา ทั้งนี้ นายฮาเวียร์ กล่าวว่า สุขุมวิทตอนปลาย ป็นทำเลน่าสนใจสำหรับการเปิดโรงแรมใหม่ เพราะได้อานิสงส์จากการขยายเมืองตามแนวรถไฟฟ้า ทำให้ตลาดองค์กรต่างๆ ย้ายฐานสำนักงานมามากขึ้น นอกจากนี้โซนกรุงเทพฯตะวันออก อย่าง ย่านบางนายังมีการลงทุนโปรเจคใหญ่ๆ และใหม่ จากกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และค้าปลีก ทำให้ย่านอ่อนนุชเปลี่ยนไป โดยทำเลที่ตั้งเริ่มขยับจากคตอนปลาย มาอยู่ตรงกลางระหว่างย่านบางนากับย่านอโศก จึงเป็นโอกาสที่โรงแรมอวานี สุขุมวิท กรุงเทพฯ จะได้วางกลยุทธ์สื่อสารถึงลูกค้าได้อย่างตรงจุด และถูกต้อง ซึ่งเวลานี้หลังจากเปิดบริการอย่างไม่เป็นทางการได้ไม่นาน โรงแรมมีอัตราการเข้าพักโดยเฉลี่ยถึง53% และน่าจะขยับเพิ่มเป็น62%ในปี 2563 จากลูกค้าหลากหลายกลุ่ม ทั้งกลุ่มประชุมสัมมนา35-40%เพราะตั้งอยู่ใกล้ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค ส่วนกลุ่มนักท่องเที่ยวน่าจะมีประมาณ10-12% กลุ่มองค์กร10-13%และอื่นๆ ส่วนใหญ่เป็นลูกค้าจากประเทศแถบเอเชีย อาทิ จีน ฮ่องกง ไต้หวัน เกาหลี และสิงคโปร์ ด้านราคาห้องพักเฉลี่ยอยู่ที่ 2,600-2,900บาทต่อคืน ต่างจากราคาโรงแรมระดับเดียวกันในทำเลสุขุมวิทตอนต้น และกลางเพียง100-200บาทเท่านั้น แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับอัตราการเข้าพักของแต่ละโรงแรมด้วย สู่กลุ่มธุรกิจโรงแรมระดับโลก อย่างไรก็ตาม นายฮาเวียร์ กล่าวต่อว่า จากแบรนด์อวานี ที่มีอัตราการเติบโตด้านจำนวนโรงแรมอย่างต่อเนื่อง เป็นส่วนสนับสนุนให้เครือไมเนอร์ฯ ก้าวสู่การเป็นผู้ประกอบการโรงแรมระดับโลก ด้วยเครือข่ายธุรกิจโรงแรมทั้งในรูปแบบเป็นเจ้าของเอง รับบริหารจัดการ และร่วมลงทุน โดยมีโรงแรมและเซอร์วิสสวีทภายใต้8แบรนด์ที่เป็นของเครือไมเนอร์ฯ ได้แก่อนันตรา อวานี โอ๊คส์ ทิโวลี เอ็นเอช คอลเลคชั่น เอ็นเอช โฮเทลส์ นาว และเอเลวาน่า ส่วนอื่นๆ ได้ว่าจ้างให้เชนโรงแรมอื่นรับบริหาร เช่น แมริออท โฟร์ซีซั่นส์ เซ็นต์ รีจิส และเรดิสัน บลู โดยทั้งหมดกระจายอยู่ใน 53 ประเทศ ล่าสุด เครือไมเนอร์ฯยังคาดการณ์ว่าสิ้นปี2562จะมีโรงแรมทั้งหมดในเครือข่าย547แห่ง คิดเป็น81,283ห้องพัก ขณะที่สิ้นปี 2563 เพิ่มจำนวนเป็น568แห่ง หรือประมาณ 85,103ห้องพัก และสิ้นปี 2564เพิ่มเป็น587แห่ง คิดเป็น90,058ห้อง