จากกรณีนายชาตอลงกรณ์ นิลยาน อายุ 29 ปี พนักงานบาร์เทนเดอร์ ร้านอาหาร เกร ฮาวด์ ชั้น 1 ห้างลาวิลล่า สาขาซอยอารีย์ ถนนพหลโยธิน แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กรุงเทพฯ เข้าแจ้งความกับ พ.ต.ท.จิรภัทร แต้มทอง รอง ผกก. (สอบสวน) สน.บางซื่อ เมื่อเวลา 22.30 น. วันที่ 10 มี.ค. ตามใบบันทึกประจำวัน นายชาตอลงกรณ์ ได้แจ้งความว่าถูกนายอนุสร จิรพงศ์ สมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) ทำร้ายร่างกายโดยใช้หลังมือตวัดมาถูกบริเวณใบหน้า ทำให้แก้มขวาได้รับบาดเจ็บ เหตุเกิดเมื่อเวลา 19.48 น. วันเดียวกัน และเดินทางไปตรวจร่างกายที่ รพ.ตำรวจ ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าเมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 14 มี.ค. ที่สน.บางซื่อ พ.ต.ท.จิรภัทร แต้มทอง รอง ผกก. (สอบสวน) สน.บางซื่อ เปิดเผย เบื้องต้นผู้เสียหายได้มาแจ้งลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานเท่านั้น ซึ่งตอนนี้ก็ไม่สามารถติดต่อผู้เสียหายได้ ในส่วนของนายอนุสร ที่ถูกระบุว่าเป็นผู้ก่อเหตุตอนนี้ยังไม่ได้มีการเรียกมาสอบถามข้อเท็จจริงใดๆ เนื่องจากต้องรอผลการตรวจร่างกายจากแพทย์และรอสอบปากคำผู้เสียหายก่อน หากพบว่าผู้เสียหายมีความประสงค์ที่จะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด พนักงานสอบสวนก็จะมีการเรียกผู้ที่ถูกกล่าวหามาสอบสวนข้อเท็จจริง และหากพบว่ามีการกระทำผิดจริงก็จะแจ้งข้อหาทำร้ายร่างกาย จนเป็นเหตุได้รับบาดเจ็บ ซึ่งมีอัตตราโทษจำคุก 1 ปี ปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาท อย่างไรก็ตามหากทั้งสองฝ่ายมีการตกลงชดใช้ค่าเสียหายกันเอง ส่วนนี้ก็สามารถทำได้ แต่ในส่วนของพนักงานสอบสวนก็ยังต้องดำเนินการตามขันตอนของกฏหมายต่อไป แต่ถึงขณะนี้ยังไม่ได้รับการประสานจากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งว่าจะเข้าพบพนักงานสอบสวน
ต่อมาเมื่อเวลา 10.40 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่านายอนุสร จิรพงศ์ อายุ 60 ปีสมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) ได้เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.สมาน ครองสิน สารวัตร รอง ผกก.( สอบสวน ) หัวหน้าพนักงานสอบสวน สน.บางซื่อ ที่ห้องพนักงานสอบสวนชั้น 2 สน.บางซื่อ เพื่อขอแสดงตัวและขอลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน หลังตกเป็นข่าวกรณีทำร้ายร่างกายนายชาตอลงกรณ์ นิลยาน พนักงานบาร์เทนเดอร์ ร้านอาหารชื่อดัง โดยระบุว่ายินดีที่จะรับผิดชอบค่าเสียหาย ซึ่งพนักงานสอบสวนระบุว่าต้องรอสอบปากคำผู้เสียหาย และรอผลการตรวจร่างกายจาก รพ.ตำรวจก่อน ทั้งนี้ยินดีที่จะเข้าให้ข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นพนักงานสอบสวนประสานมา ทั้งนี้หลังเสร็จสิ้นการลงบันทึกประจำวันนายอนุสร ได้เดินทางกลับพร้อมเปิดเผยเพียงสั้นๆว่าจะมีการชี้แจงเรื่องที่เกิดขึ้นที่รัฐสภาอีกครั้ง
ต่อมาเวลา 12.30น. ที่ห้องประชุม สน.บางซื่อ พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร ผบช.น. ได้เชิญนายอนุสร จิรพงศ์ อายุ 60 ปี นายชาตอลงกรณ์ นิลยาน พนักงานบาร์เทนเดอร์ ร้านอาหารดังกล่าว ซึ่งเป็นผู้เสียหายและ แสงระวี ช่วยปุ่ม ผู้จักการร้านเข้ามาพูดคุยไกล่เกลี่ย พร้อมด้วย พ.ต.อ.เศกสิทธิ์ สุภาอ้วน ผกก.สน.บางซื่อ และพ.ต.ท.จิรภัทร แต้มทอง รอง ผกก. (สอบสวน) สน.บางซื่อ
นายชาตอลงกรณ์ เปิดเผยว่า ตนมีอาชีพเป็นพนักงานบาร์เทนเดอร์ ของทางร้าน มีหน้าที่ผสมเครื่องดื่มให้กับลูกค้า ซึ่งในวันเกิดเหตุตนได้ผสมเครื่องดื่มไปให้นายอนุสร ต่อมามีเพื่อนร่วมงานได้เดินมาบอกว่านายอนุสร เรียกไปพบตนจึงเดินเข้าไปและได้พูดคุยกันแต่ด้วยความตื่นเต้นตนจึงได้เรียกสรรพนามแทนนายอนุสร ว่า "ป๋า" ซึ่งก่อนหน้านี้ตนจะใช้คำว่า "คุณ" หลังจากนั้นก็เป็นภาพที่ปรากฎในคลิป ซึ่งหลังเกิดเหตุตนรู้สึกกลัวน้อยใจ และไม่ได้รับความเป็นธรรม ว่าตนทำอะไรผิด จึงได้เดินทางมาลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สน.บางซื่อในวันเกิดเหตุ อย่างไรก็ตามตอนนี้ตนไม่ติดใจเอาความ และเข้าใจแล้วว่านายอนุสรไม่ได้ตั้งใจ ซึ่งตนก็ต้องขอโทษนายอนุสร ด้วยหากวันนั้นตนให้คำพูดที่ไม่เหมาะสม
ด้านนายอนุสร กล่าวว่า ตนขอโทษสังคมและนายชาตอลงกรณ์ กับการกระทำของตนที่เกิดขึ้น เนื่องจากตนไม่ได้ตั้งใจ เนื่องจากเคยเจอนายชาตอลงกรณ์ และคุ้นเคยกัน และเคยบอกว่าไม่ให้เรียก "ป๋า" เพราะมันเป็นคำที่ไม่สุภาพ ซึ่งการกระทำที่เกิดขึ้นวันนั้นตนคิดว่าเป็นการหยอกล้อ ไม่คิดว่านายชาตอลงกรณ์ จะรู้สึกน้อยใจและเสียใจ จนเกิดเป็นเรื่องใหญ่ขนาดนี้ ถือว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นบทเรียน เพราะด้วยหน้าที่การงานทำให้ต้องระวังเป็นพิเศษและยังทำให้สมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) ที่ทำให้ได้รับความเสื่อมเสีย ทั้งนี้ตนก็ได้ขอรับผิดชอบและเยียวยาผู้เสียหายที่ต้องทำให้หยุดงานและเสียรายได้อีกด้วย
พล.ต.ท.ศานิตย์ กล่าวว่า ในส่วนของคดีความนั้นเนื่องจากเหตุการณ์นี้เป็นความผิดอาญาแผ่นดินก็ต้องดำเนินคดีตามกฎหมาย ทั้งนี้หลักฐานทางการแพทย์ซึ่งระบุว่ามีรอยฟกช้ำ บวม ประมาณ 2ซม. จำนวน3 แผล ที่บริเวณแก้มขวา ใช้เวลาในการักษา3วัน พนักงานสอบสวนจึงพิจารณาให้แจ้งข้อกล่าวหาว่า "ทำร้ายร่างกายผู้อื่นได้ไม่ถึงกับเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายและจิตใจ มีโทษจำคุก1เดือน ปรับไม่เกิน1หมื่นบาท ทั้งนี้พนักงานสอบสวนลงความเห็นให้มีการปรับสูงสุด
ความคืบหน้าเมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 14 มี.ค. ที่สน.บางซื่อ พ.ต.ท.จิรภัทร แต้มทอง รอง ผกก. (สอบสวน) สน.บางซื่อ เปิดเผย เบื้องต้นผู้เสียหายได้มาแจ้งลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานเท่านั้น ซึ่งตอนนี้ก็ไม่สามารถติดต่อผู้เสียหายได้ ในส่วนของนายอนุสร ที่ถูกระบุว่าเป็นผู้ก่อเหตุตอนนี้ยังไม่ได้มีการเรียกมาสอบถามข้อเท็จจริงใดๆ เนื่องจากต้องรอผลการตรวจร่างกายจากแพทย์และรอสอบปากคำผู้เสียหายก่อน หากพบว่าผู้เสียหายมีความประสงค์ที่จะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด พนักงานสอบสวนก็จะมีการเรียกผู้ที่ถูกกล่าวหามาสอบสวนข้อเท็จจริง และหากพบว่ามีการกระทำผิดจริงก็จะแจ้งข้อหาทำร้ายร่างกาย จนเป็นเหตุได้รับบาดเจ็บ ซึ่งมีอัตตราโทษจำคุก 1 ปี ปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาท อย่างไรก็ตามหากทั้งสองฝ่ายมีการตกลงชดใช้ค่าเสียหายกันเอง ส่วนนี้ก็สามารถทำได้ แต่ในส่วนของพนักงานสอบสวนก็ยังต้องดำเนินการตามขันตอนของกฏหมายต่อไป แต่ถึงขณะนี้ยังไม่ได้รับการประสานจากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งว่าจะเข้าพบพนักงานสอบสวน
ต่อมาเมื่อเวลา 10.40 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่านายอนุสร จิรพงศ์ อายุ 60 ปีสมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) ได้เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.สมาน ครองสิน สารวัตร รอง ผกก.( สอบสวน ) หัวหน้าพนักงานสอบสวน สน.บางซื่อ ที่ห้องพนักงานสอบสวนชั้น 2 สน.บางซื่อ เพื่อขอแสดงตัวและขอลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน หลังตกเป็นข่าวกรณีทำร้ายร่างกายนายชาตอลงกรณ์ นิลยาน พนักงานบาร์เทนเดอร์ ร้านอาหารชื่อดัง โดยระบุว่ายินดีที่จะรับผิดชอบค่าเสียหาย ซึ่งพนักงานสอบสวนระบุว่าต้องรอสอบปากคำผู้เสียหาย และรอผลการตรวจร่างกายจาก รพ.ตำรวจก่อน ทั้งนี้ยินดีที่จะเข้าให้ข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นพนักงานสอบสวนประสานมา ทั้งนี้หลังเสร็จสิ้นการลงบันทึกประจำวันนายอนุสร ได้เดินทางกลับพร้อมเปิดเผยเพียงสั้นๆว่าจะมีการชี้แจงเรื่องที่เกิดขึ้นที่รัฐสภาอีกครั้ง
ต่อมาเวลา 12.30น. ที่ห้องประชุม สน.บางซื่อ พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร ผบช.น. ได้เชิญนายอนุสร จิรพงศ์ อายุ 60 ปี นายชาตอลงกรณ์ นิลยาน พนักงานบาร์เทนเดอร์ ร้านอาหารดังกล่าว ซึ่งเป็นผู้เสียหายและ แสงระวี ช่วยปุ่ม ผู้จักการร้านเข้ามาพูดคุยไกล่เกลี่ย พร้อมด้วย พ.ต.อ.เศกสิทธิ์ สุภาอ้วน ผกก.สน.บางซื่อ และพ.ต.ท.จิรภัทร แต้มทอง รอง ผกก. (สอบสวน) สน.บางซื่อ
นายชาตอลงกรณ์ เปิดเผยว่า ตนมีอาชีพเป็นพนักงานบาร์เทนเดอร์ ของทางร้าน มีหน้าที่ผสมเครื่องดื่มให้กับลูกค้า ซึ่งในวันเกิดเหตุตนได้ผสมเครื่องดื่มไปให้นายอนุสร ต่อมามีเพื่อนร่วมงานได้เดินมาบอกว่านายอนุสร เรียกไปพบตนจึงเดินเข้าไปและได้พูดคุยกันแต่ด้วยความตื่นเต้นตนจึงได้เรียกสรรพนามแทนนายอนุสร ว่า "ป๋า" ซึ่งก่อนหน้านี้ตนจะใช้คำว่า "คุณ" หลังจากนั้นก็เป็นภาพที่ปรากฎในคลิป ซึ่งหลังเกิดเหตุตนรู้สึกกลัวน้อยใจ และไม่ได้รับความเป็นธรรม ว่าตนทำอะไรผิด จึงได้เดินทางมาลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สน.บางซื่อในวันเกิดเหตุ อย่างไรก็ตามตอนนี้ตนไม่ติดใจเอาความ และเข้าใจแล้วว่านายอนุสรไม่ได้ตั้งใจ ซึ่งตนก็ต้องขอโทษนายอนุสร ด้วยหากวันนั้นตนให้คำพูดที่ไม่เหมาะสม
ด้านนายอนุสร กล่าวว่า ตนขอโทษสังคมและนายชาตอลงกรณ์ กับการกระทำของตนที่เกิดขึ้น เนื่องจากตนไม่ได้ตั้งใจ เนื่องจากเคยเจอนายชาตอลงกรณ์ และคุ้นเคยกัน และเคยบอกว่าไม่ให้เรียก "ป๋า" เพราะมันเป็นคำที่ไม่สุภาพ ซึ่งการกระทำที่เกิดขึ้นวันนั้นตนคิดว่าเป็นการหยอกล้อ ไม่คิดว่านายชาตอลงกรณ์ จะรู้สึกน้อยใจและเสียใจ จนเกิดเป็นเรื่องใหญ่ขนาดนี้ ถือว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นบทเรียน เพราะด้วยหน้าที่การงานทำให้ต้องระวังเป็นพิเศษและยังทำให้สมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) ที่ทำให้ได้รับความเสื่อมเสีย ทั้งนี้ตนก็ได้ขอรับผิดชอบและเยียวยาผู้เสียหายที่ต้องทำให้หยุดงานและเสียรายได้อีกด้วย
พล.ต.ท.ศานิตย์ กล่าวว่า ในส่วนของคดีความนั้นเนื่องจากเหตุการณ์นี้เป็นความผิดอาญาแผ่นดินก็ต้องดำเนินคดีตามกฎหมาย ทั้งนี้หลักฐานทางการแพทย์ซึ่งระบุว่ามีรอยฟกช้ำ บวม ประมาณ 2ซม. จำนวน3 แผล ที่บริเวณแก้มขวา ใช้เวลาในการักษา3วัน พนักงานสอบสวนจึงพิจารณาให้แจ้งข้อกล่าวหาว่า "ทำร้ายร่างกายผู้อื่นได้ไม่ถึงกับเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายและจิตใจ มีโทษจำคุก1เดือน ปรับไม่เกิน1หมื่นบาท ทั้งนี้พนักงานสอบสวนลงความเห็นให้มีการปรับสูงสุด