สนง.ตำรวจแห่งชาติร่วมกับคปภ.และ41บริษัทรับประกันรถยนต์ ได้ฤกษ์ลงนามเอ็มโอยูโครงการ “รถชนแล้ว ถ่ายรูปไว้ แยกได้ ไม่ต้องรอ” 17 มี.ค.นี้ จ่อเฟ้นหาสถานที่ที่จอดรถทั่วกรุงทำเป็น Car Crash Centerศูนย์รวมรถเกิดอุบัติเหตุนัดเคลียร์กันแก้ปัญหารถติด
นายประสิทธิ์ คำเกิด รองประธานคณะกรรมการประกันภัยยานยนต์ สมาคมประกันวินาศภัยไทย เปิดเผยว่า ในวันที่ 17 มีนาคม 2560 บริษัทรับประกันภัยรถยนต์ 41 บริษัทที่เป็นสมาชิกสมาคมฯ พร้อมสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย(คปภ.) และสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะร่วมลงนามเอ็มโอยูความร่วมมือกันอย่างเป็นทางในโครงการ”รถชนแล้ว ถ่ายรูปไว้ แยกได้ ไม่ต้องรอ"ที่ห้องประชุมใหญ่ของกองบัญชาการตำรวจนครบาล ถ.ศรีอยุธยา เวลา 13.30 น.
โครงการนี้ มีแนวทางปฏิบัติ ก็คือ ต่อไปนี้รถทั้ง 2คันหรือมากกว่านั้นหากพบว่ามีประกันภัยภาคสมัครใจทุกประเภท แล้วเกิดเหตุเฉี่ยวชนกันเล็กน้อยหรือไม่รุนแรงเกิดขึ้น โดยไม่มีคนเจ็บหรือเสียชีวิต ก็ไม่ต้องจอดรถรอเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือบริษัทประกันบนท้องถนนที่เกิดเหตุอันกีดขวางทางจราจรอีกต่อไป หากตกลงกันระหว่างคู่กรณีกันได้ เพียงแค่บึนทึกภาพหรือถ่ายรูปบนโทรศัพท์มือถือไว้ จากนั้นก็เคลื่อนย้ายรถมาจอดชิดขอบข้างทางเท่าที่ทำได้ จากนั้นก็โทรศัพท์แจ้งคอลเซ็นเตอร์ของแต่ละบริษัทประกันฯที่ตนเองทำประกันให้รับทราบ หากต่างฝ่ายต่างยอมรับว่าใครผิดใครถูกกันได้ ก็ให้แยกย้ายจากข้างทางได้ โดยไม่ต้องรอ แต่หากไม่สามารถตกลงกันได้ หรือรถอีกคันไม่มีประกันภาคสมัครใจ ก็ต้องจอดรอเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือบริษัทประกันฯมาทำเคลม
นายประสิทธิ์ กล่าวอีกว่า หลังจากมีการลงนามเอ็มโอยูร่วมกันเสร็จสิ้นไปแล้ว ก็จะมีการตั้งคณะกรรมการร่วมฯเพื่อมาติดตามประเมินผลโครงการนี้ว่า จะต้องมีการปรับปรุงและเพิ่มจุดไหนเพื่อแก้ไขข้อบกพร่องเข้าไปด้วยบ้าง ขณะเดียวกันทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติและทางสมาคมประกันฯก็จะดำเนินการขั้นตอนต่อไปคือ การไปเก็บข้อมูล เส้นทางกรุงเทพมีกี่เส้นทาง และจุดที่เกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง เพื่อจะหาจุดพักรถที่เป็นศูนย์กลางสำหรับรถที่เกิดอุบัติเหตุหรือที่เรียกว่า Car Crash Center (CCC) เพื่อใช้เป็นสถานที่ที่เป็นศูนย์รวมในการนัดพบหรือเคลียร์กันระหว่างบริษัทประกันกับลูกค้าและตำรวจ ซึ่งจุดนี้เป็นไอเดียที่ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติกับสมาคมประกันฯกำลังจะพูดคุยหาสถานที่กันต่อไป
อนึ่ง สำหรับบริษัทรับประกันภัยรถยนต์ทั้ง 41 แห่งที่เข้าร่วมโครงการชนแล้วแยก มีดังนี้ บมจ.กรุงเทพประกันภัย บมจ.กรุงไทยพานิชประกันภัย บมจ.เคเอสเค ประกันภัย (ประเทศไทย) บมจ.จรัญประกันภัยบมจ.เจ้าพระยาประกันภัย บมจ.ซมโปะ ประกันภัย (ประเทศไทย) บมจ.ชับบ์สามัคคีประกันภัย บมจ.โตเกียวมารีนประกันภัย (ประเทศไทย) บมจ.ทิพยประกันภัย บมจ.ทูนประกันภัย บมจ.เทเวศประกันภัย บมจ.ไทยประกันภัย บมจ.ไทยพัฒนาประกันภัย บมจ.ไทยเศรษฐกิจประกันภัย บมจ.ธนชาตประกันภัย บมจ.นวกิจประกันภัย บ.นิวแฮมพ์เชอร์ บมจ.ประกันคุ้มภัย บมจ.ประกันภัยไทยวิวัฒน์
บมจ.ฟอลคอนประกันภัย บมจ.ฟีนิกซ์ประกันภัย (ประเทศไทย) บจ.มิตซุย สุมิโตโม อินชัวรันซ์ สาขาประเทศไทย บมจ.มิตรแท้ประกันภัย บมจ.เมืองไทยประกันภัย บมจ.วิริยะประกันภัย บมจ.ศรีอยุธยา เจนเนอรัล ประกันภัย บมจ.สยามซิตี้ประกันภัย บมจ.สหมงคลประกันภัย บมจ.สัจจะประกันภัย บมจ.สินทรัพย์ประกันภัย บมจ.สินมั่นคงประกันภัย บมจ.อินทรประกันภัย บมจ.เอเชียประกันภัย1950 บมจ.เอฟพีจี ประกันภัย (ประเทศไทย) บมจ.เอ็ม เอส ไอ จี ประกันภัย (ประเทศไทย) บมจ.เอราวัณประกันภัย บมจ.เอไอจี ประกันภัย (ประเทศไทย) บมจ.แอกซ่าประกันภัย บมจ.แอลเอ็มจี ประกันภัย บมจ.ไอโออิ กรุงเทพ ประกันภัย และบจ.กลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ
โครงการนี้ มีแนวทางปฏิบัติ ก็คือ ต่อไปนี้รถทั้ง 2คันหรือมากกว่านั้นหากพบว่ามีประกันภัยภาคสมัครใจทุกประเภท แล้วเกิดเหตุเฉี่ยวชนกันเล็กน้อยหรือไม่รุนแรงเกิดขึ้น โดยไม่มีคนเจ็บหรือเสียชีวิต ก็ไม่ต้องจอดรถรอเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือบริษัทประกันบนท้องถนนที่เกิดเหตุอันกีดขวางทางจราจรอีกต่อไป หากตกลงกันระหว่างคู่กรณีกันได้ เพียงแค่บึนทึกภาพหรือถ่ายรูปบนโทรศัพท์มือถือไว้ จากนั้นก็เคลื่อนย้ายรถมาจอดชิดขอบข้างทางเท่าที่ทำได้ จากนั้นก็โทรศัพท์แจ้งคอลเซ็นเตอร์ของแต่ละบริษัทประกันฯที่ตนเองทำประกันให้รับทราบ หากต่างฝ่ายต่างยอมรับว่าใครผิดใครถูกกันได้ ก็ให้แยกย้ายจากข้างทางได้ โดยไม่ต้องรอ แต่หากไม่สามารถตกลงกันได้ หรือรถอีกคันไม่มีประกันภาคสมัครใจ ก็ต้องจอดรอเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือบริษัทประกันฯมาทำเคลม
นายประสิทธิ์ กล่าวอีกว่า หลังจากมีการลงนามเอ็มโอยูร่วมกันเสร็จสิ้นไปแล้ว ก็จะมีการตั้งคณะกรรมการร่วมฯเพื่อมาติดตามประเมินผลโครงการนี้ว่า จะต้องมีการปรับปรุงและเพิ่มจุดไหนเพื่อแก้ไขข้อบกพร่องเข้าไปด้วยบ้าง ขณะเดียวกันทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติและทางสมาคมประกันฯก็จะดำเนินการขั้นตอนต่อไปคือ การไปเก็บข้อมูล เส้นทางกรุงเทพมีกี่เส้นทาง และจุดที่เกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง เพื่อจะหาจุดพักรถที่เป็นศูนย์กลางสำหรับรถที่เกิดอุบัติเหตุหรือที่เรียกว่า Car Crash Center (CCC) เพื่อใช้เป็นสถานที่ที่เป็นศูนย์รวมในการนัดพบหรือเคลียร์กันระหว่างบริษัทประกันกับลูกค้าและตำรวจ ซึ่งจุดนี้เป็นไอเดียที่ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติกับสมาคมประกันฯกำลังจะพูดคุยหาสถานที่กันต่อไป
อนึ่ง สำหรับบริษัทรับประกันภัยรถยนต์ทั้ง 41 แห่งที่เข้าร่วมโครงการชนแล้วแยก มีดังนี้ บมจ.กรุงเทพประกันภัย บมจ.กรุงไทยพานิชประกันภัย บมจ.เคเอสเค ประกันภัย (ประเทศไทย) บมจ.จรัญประกันภัยบมจ.เจ้าพระยาประกันภัย บมจ.ซมโปะ ประกันภัย (ประเทศไทย) บมจ.ชับบ์สามัคคีประกันภัย บมจ.โตเกียวมารีนประกันภัย (ประเทศไทย) บมจ.ทิพยประกันภัย บมจ.ทูนประกันภัย บมจ.เทเวศประกันภัย บมจ.ไทยประกันภัย บมจ.ไทยพัฒนาประกันภัย บมจ.ไทยเศรษฐกิจประกันภัย บมจ.ธนชาตประกันภัย บมจ.นวกิจประกันภัย บ.นิวแฮมพ์เชอร์ บมจ.ประกันคุ้มภัย บมจ.ประกันภัยไทยวิวัฒน์
บมจ.ฟอลคอนประกันภัย บมจ.ฟีนิกซ์ประกันภัย (ประเทศไทย) บจ.มิตซุย สุมิโตโม อินชัวรันซ์ สาขาประเทศไทย บมจ.มิตรแท้ประกันภัย บมจ.เมืองไทยประกันภัย บมจ.วิริยะประกันภัย บมจ.ศรีอยุธยา เจนเนอรัล ประกันภัย บมจ.สยามซิตี้ประกันภัย บมจ.สหมงคลประกันภัย บมจ.สัจจะประกันภัย บมจ.สินทรัพย์ประกันภัย บมจ.สินมั่นคงประกันภัย บมจ.อินทรประกันภัย บมจ.เอเชียประกันภัย1950 บมจ.เอฟพีจี ประกันภัย (ประเทศไทย) บมจ.เอ็ม เอส ไอ จี ประกันภัย (ประเทศไทย) บมจ.เอราวัณประกันภัย บมจ.เอไอจี ประกันภัย (ประเทศไทย) บมจ.แอกซ่าประกันภัย บมจ.แอลเอ็มจี ประกันภัย บมจ.ไอโออิ กรุงเทพ ประกันภัย และบจ.กลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ