นางสาวปิยพร พรรณเชษฐ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ยู ซิตี้ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การเข้าซื้อกิจการในครั้งนี้ ทาง ยู ซิตี้ได้ใช้เงินลงทุนกว่า 890 ล้านบาท โดยเป็นการซื้อกิจการโรงแรมรวมทั้งสิ้น 19 แห่ง ผ่านทาง บริษัท เวียนนา เฮ้าส์ ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของยู ซิตี้ ในประเทศเยอรมนี โดยมี 17 แห่งเป็นโรงแรมที่เปิดดำเนินการอยู่ใจกลางเมือง และอีกสองแห่งเป็นโครงการที่อยู่ในขั้นตอนการก่อสร้าง ซึ่งโรงแรมทั้ง 17 แห่งนั้นประกอบไปด้วยโรงแรมแบบบูทีคโฮเต็ลรวมทั้งสิ้น 12 แห่งที่เดิมเป็นแบรนด์อาร์โคน่า และอีก 5 แห่งเป็นโรงแรมที่ปัจจุบันยังดำเนินการอยู่ภายใต้แบรนด์สไตเกนเบอร์เกอร์ ตั้งอยู่ในใจกลางเมืองที่ได้รับการรับรองจากยูเนสโก้ และโรงแรมทั้งหมดนี้จะถูกดำเนินการในลักษณะเช่าบริหารภายใต้แบรนด์ของเวียนนา เฮ้าส์ ซึ่งทำให้ยู ซิตี้ เป็นเจ้าของโรมแรมจำนวน 57 แห่ง มีห้องพักรวม 9,210 ห้อง อีกทั้ง ยู ซิตี้ ยังมี ธุรกิจบริหารโรงแรม ภายใต้สี่แบรนด์ได้แก่เวียนนา เฮ้าส์ ยู อีสติน และเทรฟลอดจ์ โดยมีโรงแรมในเครือรวมทั้งสิ้น 117 โรงแรม หรือ มากกว่า 30,000 ห้อง โดยในจำนวนนี้มีจำนวนโรงแรมที่เปิดดำเนินการทั้งหมด 78 โรงแรม หรือ 11,720 ห้อง สำหรับการขยายธุรกิจในประเทศเยอรมันนีในครั้งนี้ เวียนนา เฮ้าส์ ได้เล็งเห็นโอกาสในการแข่งขันเนื่องจากตลาดของนักเดินทางเพื่อธุรกิจ ซึ่งถือเป็นตลาดกลุ่มใหญ่ที่สุดของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในภูมิภาคยุโรป ขณะเดียวกันยังเน้นจุดเด่นของแบรนด์ด้วยการลงทุนในโรงแรมซึ่งล้วนมีลักษณะเฉพาะตัวที่เป็นสเน่ห์ไม่เหมือนใคร ทั้งโครงสร้างภายนอกและที่ตั้งซึ่งอยู่ใจกลางเมืองของอาคาร ไปจนถึงการออกแบบห้องพักที่มีรูปแบบไม่ซ้ำกัน รูเพิร์ท ซิมอนเนอร์ โดย นายรูเพิร์ท ซิมอนเนอร์ ประธานคณะผู้บริหารของเวียนนา เฮ้าส์ กล่าวว่า เหตุผลหลักในการตัดสินใจของ เวียนนา เฮ้าส์ ในครั้งนี้ประกอบไปด้วยที่ตั้งของโรงแรม ลักษณะของโรงแรมเอง รวมถึงบุคลากรที่มีอยู่แล้วของโรงแรมเหล่านั้น เนื่องจากตลาดท่องเที่ยวเยอรมันทั้งที่เป็นอินบาวด์ และเอาท์บาวด์ ป็นตลาดที่สำคัญมากโดยตัวของโรงแรมเองรวมไปถึงดีไซน์นั้นสามารถเข้ากันกับแบรนด์ของเวียนนาเฮ้าส์ ได้อย่างดี และบุคลากรที่ให้บริการอยู่ในโรงแรมต่างมีหัวใจการบริการในแบบอย่างที่ต้องการด้วยเช่นกัน ทั้งนี้ โรงแรมในเครืออาร์โคน่า มีการดูแลให้อยู่ในสภาพที่ดี และผลประกอบการที่มั่นคงทำให้เห็นถึงศักยภาพในเชิงบวก ซึ่งสิ่งที่ต้องมุ่งเน้น คือ การเพิ่มยอดขาย โดยคาดว่าน่าจะเห็นการเติบโตเพิ่มขึ้นที่ 3% ในช่วง 18 เดือนแรกที่เข้าไปบริหาร ซึ่งโรงแรมใหม่ทั้งหมดที่เข้ามาอยู่ภายใต้เครือเวียนนา เฮ้าส์ นี้จะตอบโจทย์ความต้องการของทั้งกลุ่มนักเดินทางเพื่อธุรกิจ และกลุ่มนักท่องเที่ยว ตั้งเป้าเจาะตลาดเฉพาะกลุ่ม ที่เป็นแนวบูทีคไลฟ์สไตล์ โดย นายรูเพิร์ท กล่าวว่า ในปี 2563 แบรนด์เวียนนา เฮ้าส์จะปรากฎอยู่ในหลายเมืองทั่วออสเตรีย เยอรมันนี และสวิตเซอร์แลนด์ ทั้ง สตุทการ์ท, เว็ตสลาร์, ออสนาบรุค, มิวนิค, เบรเมน, ชาฟเฮาเซ่น, ไลป์ซิก, บาเดน-บาเดน, พ็อตส์ดัม, เบอร์ลิน, สตราลซุนด์, โรสต็อค, บราวน์ชวิค, วิสมาร์ และไอเซอนัค โดยโรงแรมเหล่านี้จะถูกรีแบรนด์ใหม่ภายใต้ 3 แบรนด์ของเวียนนา เฮ้าส์ ได้แก่เวียนนา เฮ้าส์ เวียนนา เฮ้าส์ อีซี่ และ เวียนนา ทาวน์เฮ้าส์ ตั้งแต่ปี 2563 เป็นต้นไป สำหรับแผนขยายธุรกิจของเวียนนา เฮ้าส์ นั้น โดยปกติจะมีอัตราการเติบโต 7-9% ต่อปี หรือจะมีการซื้อโรงแรมใหม่ ๆ เข้ามาอยู่เครือเฉลี่ยปีละ 5 โรงแรม ขณะที่ทวีปเอเชียถือเป็นตลาดที่มีการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว และด้วยมีพันธมิตร อย่างยู ซิตี้ จึงทำให้ปัจจุบันเวียนนา เฮ้าส์มีออฟฟิศอยู่ทั่วเอเชีย ดังนั้นในอนาคตจะต้องมีชื่อของเวียนนา เฮ้าส์ ในการลงหลักปักฐานในเมืองหลวงของเอเชียสักหนึ่ง หรือสองแห่งอย่างแน่นอน