เมื่อ กะตะกรุ๊ป รีสอร์ท ผู้นำด้านธุรกิจโรงแรมในภาคใต้ที่บริหารงานโดยคนไทยมากว่า 40 ปี ชูฝีมือของทายาทรุ่นที่สอง ปั้นจุดหมายแห่งการพักผ่อนสไตล์ใหม่ เน้นเจาะตลาดคนไทยและครอบครัวรุ่นใหม่ สร้างโรงแรมในคอนเซ็ปต์ที่ไม่เหมือนใคร ซึ่งเรื่องนี้ นายปริยวิศว์ อัจฉริยะฉาย ผู้อำนวยการฝ่ายการพัฒนาผลิตภัณฑ์ ในเครือกะตะกรุ๊ป รีสอร์ท ได้สะท้อนแผนการตลาดที่ได้เข้าไปรับบริหารได้อย่างน่าสนใจ ตอบโจทย์นักท่องเที่ยวได้ทุกกลุ่ม โดย นายปริยวิศว์ อัจฉริยะฉาย ผู้อำนวยการฝ่ายการพัฒนาผลิตภัณฑ์ ในเครือกะตะกรุ๊ป รีสอร์ท กล่าวว่า ปัจจุบัน กะตะกรุ๊ป มีโรงแรมและรีสอร์ที่เปิดให้บริการแล้วทั้งสิ้น 8 แห่ง ประกอบด้วย บียอนด์ รีสอร์ท กะรน จังหวัดภูเก็ต บียอน รีสอร์ท เขาหลัก จังหวัดพังงา สองรีสอร์ทริมชายหาดที่ให้บริการระดับลักซัวรี่สำหรับผู้เข้าพัก 18 ปีขึ้นไป บียอน รีสอร์ท กระบี่ จังหวัดกระบี่, บียอนด์ รีสอร์ต กะตะ หาดกะตะ จังหวัดภูเก็ต สำหรับกลุ่มครอบครัว บิยอนด์ ป่าตอง หาดป่าตอง จังหวัดภูเก็ต ภูเก็ต ออร์คิด รีสอร์ท แอนด์ สปา หาดกะรน จังหวัดภูเก็ต โนโวเทล สมุย รีสอร์ท เฉวง บีช กานดาบุรี ตั้งอยู่บนหาดเฉวงเกาะสมุย และ ประมุกโก้ รีสอร์ท หาดกะตะ จังหวัดภูเก็ต อีกทั้งตั้งเป้าขยายธุรกิจบนทำเลชายฝั่งอันดามัน ทั้งในจังหวัดภูเก็ต พังงา และกระบี่ อีก 1 - 2 แห่ง ให้บริการห้องพักทั้งหมดรวมกับที่มีอยู่เดิม เพิ่มขึ้นเป็นมากกว่า 2,000 ห้อง ภายใน 3 - 5 ปี ซึ่งการขยายตัวของโรงแรมในปัจจุบันที่มีการแข่งขันสูงมากบนเกาะภูเก็ต ไม่น่าจะมีผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจของแบรนด์โรงแรมในเครือกะตะกรุ๊ป เพราะแต่ละโรงแรมสามารถตอบโจทย์นักท่องเที่ยวได้ทุกเซ็กเมนต์ และมีจุดเด่นที่แตกต่างกันจึง ทำให้เป็นโอกาสที่จะได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าเก่า รวมถึงลูกค้ากลุ่มใหม่ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอีกด้วย สร้างสิ่งใหม่ ๆ ที่ไม่เหมือนใคร อย่างไรก็ตาม นายปริยวิศว์ ยังกล่าวถึง ประมุกโก้ รีสอร์ท โรงแรมแห่งที่ 8 ที่ใช้งบประมาณกว่า 1.8 พันล้านบาทด้วยคอนเซ็ปท์ที่มาแรง และมีเป้าหมายคือต้องการให้ผู้เข้าพักได้หลีกหนีจากโลกภายนอกและมีความสนุกที่สุด เป็นการสร้างสิ่งใหม่ ๆ ที่ไม่เหมือนใคร แปลกไปจากโรงแรมอื่นๆ ของกะตะกรุ๊ป ซึ่งจากอัตราการเข้าพัก 70-90% ตลอดทั้งปีของจังหวัดูเก็ต ประกอบกับทำเลที่ดีของโรงแรม ภายในจังหวัดมีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่รุดหน้า อาทิ การขยายตัวของแหล่งท่องเที่ยวระดับโลกใหม่ ๆ การขยายตัวของสนามบินนานาชาติภูเก็ต จึงน่าจะดึงดูดนักท่องเที่ยวเดินทางมาตลอดทั้งปี "เน้นกลุ่มผู้เข้าพักครอบครัวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ อาทิ สแกนดิเนเวีย รัสเซีย จีน รวมไปถึงกลุ่มครอบครัวชาวอินเดีย ซึ่งถือเป็นตลาดใหม่ที่น่าสนใจในปีนี้ โดยคาดว่า จะมีอัตราการเข้าพักช่วงเปิดตัว ซึ่งเป็นช่วงไฮซีซั่นของปีสูงถึง 90 - 95% โดยเป็นการทำการตลาดจองตรง หรือ ไดเร็ค บุ๊คกิ้ง ผ่านเว็บไซต์ของโรงแรม และจัดโปรโมชั่นสุดคุ้มสำหรับนักท่องเที่ยวชาวไทยโดยเฉพาะอีกด้วย" นายปริยวิศว์ กล่าว เติบโตอย่างต่อเนื่องในระยะยาว ขณะเดียวกัน นายปริยวิศว์ กล่าวว่า ทางกะตะกรุ๊ป มีแผนลงทุนต่อเนื่อง อีกทั้งมีการรีโนเวตโรงแรมบียอนด์ รีสอร์ท กระบี่ ด้วยการต่อเติมห้องพักเพิ่มอีก200 ห้อง ออกแนวกรีนโฮเทลและมีจุดขายด้านเมดิคัล รวมถึงมีแผนลงทุนสร้างรีสอร์ต ที่เสม็ดนางชี จังหวัดพังงา คาดว่าจะแล้วเสร็จในอีก 2 ปีนี้ โดยมีห้องพักประมาณ 30 ห้อง ท่ามกลางบรรยากาศเสม็ดนางชี สะดวกสบายด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกทั้งในห้องพัก และฟังก์ชันโดยรอบ เพื่อให้ผู้เข้ามาใช้บริการได้รับพลัง รู้สึกผ่อนคลาย อีกทั้งเป้าหมายการบริหาร คือ การเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่องในระยะยาว และที่สำคัญที่สุดจะต้องเป็นโรงแรมที่ช่วยเศรษฐกิจภายในชุมชน ทั้งการอุดหนุนธุรกิจของซัพพลายเออร์ในพื้นที่ พัฒนาบุคลากรในภาคใต้ ให้มีโอกาสในการทำงานด้านบริการ เป็นการสร้างงานให้กับคนไทย ได้ใช้ประสบการณ์เติบโตในสายงาน พร้อมกันนี้ในอนาคตได้วางแผนที่จะรีแบรนด์กะตะกรุ๊ป ด้วยการใช้กลยุทธ์เซลแบรนดิ้ง ก้าวสู่กรีนโฮเทล ลดการใช้พลาสติก ร่วมอนุรักษ์โลก และเน้นสร้างความเป็นลีดเดอร์ชิพของพนักงาน เพื่อยกระดับมาพัฒนาสังคมในอนาคตต่อไป