เมื่อเวลา 14.00 น.วันที่ 18 มี.ค.ที่สมาคมผูสื่อข่าวและช่างภาพอาชญากรรมแห่งประเทศไทย พลตำรวจเอกสุวิระ ทรงเมตตา ที่ปรึกษา สบ.10 แถลงผลการเรียกประชุมคณะพนักงานสอบสวนคดีแชร์ยูฟัน เพื่อเร่งประสานนัดหมายผู้เสียหาย 2,451 คน เพื่อมอบอำนาจให้มูลนิธิทนายชาวบ้าน เป็นตัวแทนดำเนินการยื่นแก้ไขคำฟ้องและเฉลี่ยขอคืนทรัพย์ หากศาลมีคำพิพากษาในวันพุธที่ 22 มีนาคมนี้ พลตำรวจเอกสุวิระ เปิดเผยว่า เนื่องจากคดีนี้อัยการระบุในท้ายสำนวน ให้ทรัพย์ที่ได้จากการกระทำผิดตกเป็นของแผ่นดิน จึงได้นำเรื่องดังกล่าวหารือกับอัยการสูงสุด และมูลนิธิทนายชาวบ้าน ได้ข้อสรุปว่าควรยื่นขอให้พนักงานอัยการดำเนินการยื่นแก้ไขในท้ายคำฟ้อง เป็นขอให้ศาลพิจารณาเฉลี่ยทรัพย์คืนให้ผู้เสียหายแทน และตามกฎหมายต้องเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จก่อนที่ศาลจะมีคำพิพากษาในวันพุธนี้ ทั้งนี้ยอมรับว่าเรื่องดังกล่าวค่อนข้างกระชั้นชิด จึงต้องเร่งประชุมมอบหมายงานให้คณะพนักงานสอบสวน ประสานผู้เสียหายให้มาพบในวันจันทร์ที่ 20 มีนาคมนี้ ที่สโมสรตำรวจ เพื่อทำเรื่องมอบอำนาจการขอเฉลี่ยคืนทรัพย์ ให้มูลนิธิทนายชาวบ้านเป็นผู้ดำเนินการ และอยากขอให้ผู้เสียหายมาตามนัด เพื่อไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายว่าจ้างทนายดำเนินการ ขณะเดียวกันตนก็จะไปยื่นหนังสือถึงอัยการสูงสุด ให้พิจารณาเร่งแก้ไขท้ายคำฟ้องเสนอศาลต่อไป ด้านนายทวิชา หวังโภคา ประธานมูลนิธิทนายชาวบ้าน เปิดเผยว่า การดำเนินการดังกล่าว จะมีส่วนช่วยให้ผู้เสียหายได้รับเงินเยียวยาได้เร็วขึ้น หากศาลมีคำพิพากษาในคดีนี้ และหากไม่ยื่นท้ายคำฟ้องในลักษณะนี้ก็อาจเสียสิทธิ์ไป ส่วนในวันอ่านคำพิพากษา หากผลออกมาศาลสั่งยกฟ้อง อัยการก็จะดำเนินการยื่นขออุทธรณ์ต่อไปทันที สำหรับคดีนี้ตำรวจได้ยื่นฟ้องผู้บริหาร แม่ข่าย และเครือข่าย บริษัท ยูฟันสโตร์ จำกัด รวม 40 คน มีการสั่งอายัดเงินและทรัพย์อื่นๆ ไว้เกือบ 800 ล้านบาท ขณะที่รวมยอดความเสียหายจากผู้เสียหายทั้ง 2,451 คน รวมเป็นเงิน 350 ล้าน พล.ต.อ.สุวิระ กล่าวต่อว่า ในส่วนของเรื่อง พ.ร.บ.ธุรกิจรักษาความปลอดภัย พ.ศ.2558 ตาม คำสั่ง คสช.ที่ 67/2559 ลงวันที่ 10 พ.ย. 2559 กรณีต่อทะเบียนใบอนุญาตอาชีพพนักงานรักษาความปลอดภัย และเจ้าของธุรกิจรักษาความปลอดภัยที่ต้องยื่นความประสงค์ขอรับใบอนุญาตต่อนายทะเบียนจังหวัด ณ ที่ทำการกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดทุกพื้นที่ในวันที่ 26 ก.พ.นั้น ความคืบหน้าตอนนี้ผู้มาลงทะเบียนแล้ว ที่เป็นบริษัท 1,880 บริษัท ในส่วนตัวบุคคล 240,000 ราย ซึ่ง รปภ.ที่มาลงแล้วจะได้รับการตรวจสอบอย่างระเอียดถึงแม้จะเคยต้องคดีมากก่อนก็จะได้รับการยกเว้น ถ้าหากผ่านการตรวจสอบแล้วว่าไม่มีคดีติดค้างก็จะสามารถทำงาน รปภ.ได้ ในส่วนของผู้ที่ไม่มาลงทะเบียนหากพบว่าเคยต้องโทษมาก่อนหรือวุฒิการศึกษาไม่จบตามเกณ์ก็ถูกตัดสิทธการเป็น รปภ.ทันที