ทรงสร้างประโยชน์สุขสู่ปวงประชา เสกสรร สิทธาคม [email protected] "ต้นไม้ทรงปลูก" (2) บัดนี้พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชรัชกาลที่ 9เสด็จสู่สวรรคาลัยแล้วเมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2559 ที่ผ่านมา นำมาซึ่งความโศกเศร้าอาดูรแก่ประชาชนคนไทยทั้งประเทศและที่พักอาศัยในต่างประเทศ ด้วยเพราะความอาลัยจากการเสด็จสูสวรรคาลัยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชพระผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ เพราะนับแต่เสด็จขึ้นครองสิริราชสมบัติตั้งแต่พ.ศ. 2489 ตราบจนเสด็จสวรรคตเป็นเวลา 70 ปีได้ทรงทุ่มเทพระองค์ปฏิบัติพระราชกรณียกิจโดยมิทรงคำนึงถึงความสุขส่วนพระองค์ ทรงตรากตรำ ทรงเหนื่อยยากพระวรกาย ทรงบุกป่าฝ่าดงลงน้ำ ตากฝน ตากแดด เสด็จพระราชดำเนินไปทุกหนแห่งเพื่อจะทรงเยี่ยมเยียนราษฎรและเพื่อทรงทราบปัญหาการดำเนินชีวิตของประชาชนด้วยพระเนตรพระกรรณ โดยมิทรงคำนึงถึงสสุขส่วนพระองค์แม้แต่น้อย หากแต่พระราชหฤทัยทัยทรงมุ่งมั่นเพื่อจะบำบัดทุกข์นำประโยชน์สุขสู่ราษฎรของพระองค์ให้จงได้ ในฐานะพสกนิกรเพื่อร่วมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณพระผู้เสด็จสู่สวรรคาลัย พระผู้ทรงสถิตย์ในหัวใจคนไทยตราบนิรันดร์เป็นล้นพ้นหาที่สุดมิได้ขอนำพระราชกรณียกิจด้านการอนุรักษ์พื้นที่ป่าต้นน้ำผ่าน “ต้นไม้ทรงปลูก” เผยแพร่ให้แก่ประชาชนทั่วไปที่สนใจสืบสานแนวพระราชดำริสนองพระมหากรุณาธิคุณสืบไป "ปลูกป่าเพื่อให้ราษฎรมีรายได้เพิ่มมากขึ้น โดยให้ราษฎรในท้องที่นั้นๆ เข้าร่วมกิจกรรม เพื่อเป็นการสร้างความเข้าใจให้ราษฎรเห็นความสำคัญของป่า และการปลูกป่า ให้ชาวบ้านได้ร่วมกิจกรรมตั้งแต่ต้น และควรมีประโยชน์จากกิจกรรมด้วย" พระราชดำรัสพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชพระราชทานเมื่อ พ.ศ. 2527 พระราชดำรัสข้างต้นเน้นย้ำให้เห็นถึงพระราชหฤทัยได้ว่าพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ผู้ทรงเป็นที่รักและเคารพเทิดทูนยิ่งของปวงชนชาวไทย ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่ทรงเห็นคุณค่าและประโยชน์อย่างเหลือคณานับของทรัพยากรธรรมชาติหลักคือต้นไม้ป่าไม้อันเป็นแหล่งต้นน้ำลำธาร ในเวลาเดียวกันพระราชหฤทัยนั้นยังเต็มไปด้วยความห่วงใยประเทศชาติและประชาชน เพราะการที่ทรงตระหนักถึงการอนุรักษ์ฟื้นฟูธรรมชาติสิ่งแวดล้อมไว้โดยแฉพาะไม่รุกตัดไม้ทำลายป่า ดังพระราชดำรัสที่พระราชทานไว้ในบางโอกาสว่าไม่ปลูกป่าแต่ก็ไม่ทำลาย หรือปลูกป่าโดยไม่ต้องปลูก และทรงเน้นให้สร้างความรู้ถึงความสำคัญของป่าแล้วเกิดความรักความศรัทธาเป็นการปลูกป่าให้เกิดขึ้นในใจ เพื่อทางสู่การส่งเสริมป่าเป็นต้นไม้ที่กลายผืนป่าที่ถูกอนุรักษ์ไว้จะตอบสนองสังคมเป็นคุณประโยชน์มากมายมหาศาล ประโยชน์คือเป็นแหล่งต้นน้ำ ป่า 3 อย่างประโยชน์ 4 อย่างเป็นต้น และเพราะการที่มนุษย์โดยเฉพาะคนไทยที่คิดถึงแต่ประโยชน์เฉพาะหน้าของตัวเอง พรรคพวก บุกรุกป่าทำลายป่าไม่คำคำนึงถึงประโยชน์แก่ชาติบ้านเมืองประชาชน ที่สุดจึงถูกธรรมชาติลงโทษดังที่ทั้งประเทศไทยและทั่วโลกกำลังได้รับผลอยู่ตอนนี้ คือเกิดพายุอุทกภัยน้ำท่วมแล้วท่วมอีกปีละสี่ห้าครั้ง สร้างความเสียหายยิ่งกว่าโจรปล้น ไฟไหม้ ทั้งๆที่ไม่เคยเป็นเช่นนี้เลยในอดีต พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช สมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถทรงนำพระองค์เป็นทัพหน้าประชาชนให้เห็นความสำคัญของการรักษาป่า ปลูกป่า พัฒนาแหล่งน้ำ มิไยต้องกล่าวถึงพระราชดำรัสที่พระราชทานไว้มากมาย มิไยต้องกล่าวถึงทรงทำทุกวิถีทางที่จะรักษาป่าแม้โดยการใช้พระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ ที่ประจักษ์สายตาประชาชนทุกผู้คนคือเมื่อเสด็จพระราชดำเนินไป ณ พื้นที่ใดก็จะทรงปลูกต้นไม้ไว้แทบทุกแห่ง นั่นคือสิ่งบ่งบอกถึงการให้คนไทยทุกคนเห็นความสำคัญของต้นไม้ที่เมื่อรวมกันมากต้นก็เป็นป่านั่นเอง ในความเป็นคนไทยจึงกล่าวได้อย่างเต็มภาคภูมิทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่ทรงพระคุณอันประเสริฐ ที่เปี่ยมไปด้วยพระราชหฤทัยห่วงใยราษฎรของพระองค์ในทุกๆ เรื่อง บนพื้นฐานของพระเมตตาคุณและพระมหากรุณาธิคุณ ย้ำอีกที่ว่าเรื่องของป่าไม้ ต้นไม้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชทรงตระหนักว่าป่าไม้นั้นมีความสำคัญต่อประเทศชาติเพียงใด เพราะหากมีการอนุรักษ์ป่าไม้ให้มีความอุดมสมบูรณ์ ประชาชนก็สามารถใช้สอยหาประโยชน์จากทรัพยากรป่าไม้ได้นานับประการ เข้าเรื่องที่อยากนำปวงชนชาวไทยได้ซึมซับถึงพระมหากรุณาธิคุณในเรื่องป่าไม้ต้นไม้จึงขอนำไปสัมผัส “ต้นไม้ทรงปลูก”หรือ“ต้นไม้ของพ่อ” ต้นไม้ที่ทรงปลูกตามสถานที่ต่างๆ ที่หยั่งรากลึกลงไปบนผืนแผ่นดิน เปรียบได้ดั่งพระบารมีแห่งพระมหากรุณาที่แผ่ไพศาลให้ทั้งความร่มเย็นเป็นสุขคุ้มครองเพทภัยธรรมชาติแก่ปวงพสกนิกรของพระองค์ทั่วทั้งประเทศ (อ่านต่อ)