ทรงสร้างประโยชน์สุขสู่ปวงประชา เสกสรร สิทธาคม [email protected] ต้นไม้ทรงปลูก (3) ต้นสัก “ปอเป้งเตงเตยตาล สรลตระการป่านหางโต ต้นทองตลองตองโพ สักสูงสุดพุดซากถินฯ” กาพย์ห่อโคลงประพาสธารทองแดง พระนิพนธ์เจ้าฟ้าธรรมาธิเบศ “ต้นสัก”เป็นไม้ที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงปลูก นั่นจึงเท่ากับว่ายิ่งเป็นสิริมงคลอย่างที่สุด โดยคติที่ว่าต้นสักเองเป็นไม้มงคลอยู่แล้ว ยังเป็นไม้ที่ทรงปลูกอีกด้วยจึงเป็นไม้ที่คนไทยทั้งประเทศควรอย่างยิ่งที่จะปลูกเพิ่มขึ้นชดเชยที่ตัดกันไปแทบหมดป่า ดูเหมือนว่าจะเหลืออยู่เป็นแหล่งใหญ่ไม่มากแห่งแล้ว อย่างในพื้นที่จังหวัดแม่ฮ่องสอนแล้วก็พื้นที่จังหวัดแพร่เป็นต้น ปลูกต้นสักไม้มงคล ใครปลูกก็ได้สิริมงคล ต้นสัก เป็นไม้เนื้อแข็งเป็นพรรณไม้ยืนต้นขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ มีความสูงได้ถึง50 เมตร ผิวเปลือกลำต้นมีสีน้ำตาล เปลือกเรียบลำต้นเปลาตรง ใบเป็นใบเดี่ยว เนื้อใบหนาสากคาย ใต้ใบจะมีขน ใบมีลักษณะกลมใหญ่ขนาดใบกว้างประมาณ 15-20 เซนติเมตร ยาวประมาณ 20-25 เซนติเมตร ออกดอกเป็นช่อ ตามบริเวณปลายกิ่ง ดอกมีกาบหุ้มเป็นรูปเรียวยาวประมาณ1 เซนติเมตร ดอกมีกลีบดอก 5 แฉก ดอกมีขนาดเล็กสีขาวผลเป็นรูปทรงกลมมีเส้นผ่าศูนย์กลางโตประมาณ 0.5 เซนติเมตร ต้นสักเป็นไม้แห่งความเชื่อ คนไทยโบราณเชื่อว่า บ้านใดปลูกต้นสักโดยเฉพาะสักทองไว้ประจำบ้าน จะทำให้มีศักดิ์ศรี เพราะคำว่าสัก พ้องคำว่าศักดิ์ถือเป็นสิริมงคล คือการมีศักดิ์ศรี มีเกียรติศักดิ์ยศฐาน์บรรดาศักดิ์ นอกจากนี้ สัก หรือ สักกะ ยังหมายถึงพระอินทร์ผู้มีอำนาจที่ยิ่งใหญ่ในสวรรค์ ดังนั้น สักทองจึงเป็นไม้มงคลนามเป็นสิริมงคลแก่บ้านและผู้อาศัย มีความเชื่อเพิ่มเติมอันเป็นคติมาแต่คนโบราณอีกเช่นกันว่า ควรปลูกต้นสักทองไว้ทางทิศเหนือผู้ปลูกควรปลูกในวันเสาร์ เพราะโบราณเชื่อว่าการปลูกไม้เพื่อเอาคุณทั่วไปให้ปลูกในวันเสาร์ ถ้าจะให้เป็นมงคลมากยิ่งขึ้น ผู้ปลูกควรเป็นผู้ใหญ่ที่เคารพนับถือ และเป็นผู้ที่ประกอบคุณงามความดี ก็จะเป็นสิริมงคลยิ่งนัก หมายความว่าปลูกต้นสักยิ่งมากยิ่งดี ปลูกเป็นป่าก็ยิ่งได้มงคล การที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชเสด็จฯไปทรงเยี่ยมเยียนประชาชนในทุกถิ่นที่แล้วมักทรงปลูกต้นไม้เช่นสักเป็นต้น จึงมีนัยอันสำคัญอย่างยิ่งที่เราคนไทยควรตระหนัก เพราะต้นไม้คือส่วนสำคัญของความเป็นทรัพยากรธรรมชาติที่มีคุณค่า “สัก”เป็นต้นไม้มงคลประจำจังหวัดอุตรดิตถ์ วันที่ 1 มิถุนายน 2499 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 พร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถในรัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี เสด็จประพาสถ้ำจอมพล อำเภอจอมบึง จังหวัดราชบุรี ทรงเยี่ยมราษฎรที่มารอเฝ้าฯรับเสด็จ ในวโรกาสเดียวกันได้ทรงจารึกพระปรมาภิไธยย่อหน้าถ้ำจอมพลว่า “ภปร1 มิ.ย.99” พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่9ทรงปลูกต้นสัก สมเด็จพระบรมราชินีนาถในรัชกาลที่9ทรงปลูกต้นกัลปพฤกษ์และสมเด็จย่าทรงปลูกต้นนนทรี ณ สวนรุกขชาติบริเวณหน้าถ้ำ นำมาซึ่งความปลื้มปีติและสุขใจของราษฎรที่ได้เข้าเฝ้าฯอย่างใกล้ชิดในบริเวณพื้นที่ดังกล่าว ในปีเดียวกันนั้นเอง วันที่ 5 พฤศจิกายน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 เสด็จพระราชดำเนินไปยังวัดบวรนิเวศวิหาร บางลำพู ก็ได้ทรงปลูกต้นสักไว้ด้วย ณ ด้านหน้าพระตำหนักใหญ่ เนื่องในวโรกาสที่ทรงลาผนวช วันพุธที่ 17 มิถุนายน 2513 เวลา 10.15 น.เสด็จฯไปที่เขื่อนภูมิพล แล้วทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯทรงปลูกต้นสักไว้อีกเช่นกันคราวนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่9 และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถเสด็จออก ณ บริเวณที่ประทับแรมเขื่อนภูมิพล ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ฉายพระบรมฉายาสาทิศลักษณ์ร่วมกับพนักงานไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย แล้วเสด็จฯไปทรงปลูกต้นไม้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชหทรงปลูกต้นสัก สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงปลูกต้นราชพฤกษ์เสร็จแล้ว เสด็จฯ ไปประทับเฮลิคอปเตอร์ ณ สนามกอล์ฟ เขื่อนภูมิพล นายเกษม จาติกวนิช ผู้ว่าการไฟฟ้าฝ่ายผลิต(ในเวลานั้น) นายปฎิพัทธ์ อารยะศาสตร์ นายทองโรจน์ พจนารถ รองผู้ว่าการฯ และนาวาอากาศตรี กำธน สินธวานนท์ ผู้ช่วยผู้ว่าการฯ(ในเวลานั้น) กับพนักงานการไฟฟ้าฝ่ายผลิต และครอบครัว เฝ้าฯ ส่งเสด็จ