เมื่อวันที่ 15มีนาคม ที่ผ่านมา สำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (สำนักงาน กปร.) มีพิธีส่งมอบโครงการเปลี่ยนอุปกรณ์แสงสว่าง LED เฉลิมพระเกียรติ 60 พรรษา สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี โดยมีนายดนุชา สินธวานนท์ เลขาธิการ กปร. เป็นผู้รับมอบโดยกล่าวถึงความร่วมมือระหว่างสำนักงาน กปร. และการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ซึ่งดร.อารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ปลัดกระทรวงพลังงานเป็นผู้มอบพร้อมด้วยนายกรศิษฏ์ ภัคโชตานนท์ ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ผู้บริหารกระทรวงพลังงาน การไฟฟ้าฝ่ายผลิต โครงการเปลี่ยนอุปกรณ์แสงสว่าง LED เฉลิมพระเกียรติ 60 พรรษา สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี เป็นโครงการความร่วมมือระหว่าง กฟผ.กับสำนักงาน กปร. ซึ่งร่วมรณรงค์ให้ประหยัดพลังงาน เพื่อลดค่าใช้จ่ายโดยตระหนักถึงหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง อันเนื่องมาจากพระราชดำริในพระบาทสมเด็จพระปรมินทร มหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 โดยมุ่งเน้นการใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ให้คุ้มค่า และคำนึงถึงความประหยัดและประโยชน์ใช้สอย โดยมีมาตรการในการปรับปรุงอุปกรณ์ไฟฟ้าเป็นไปตามมาตรฐานปัจจุบัน ตั้งแต่ปี 2558 เป็นต้นมา กฟผ.ได้สนับสนุนงบประมาณในการเปลี่ยนหลอดไฟ LED เป็นวงเงินงบประมาณ 22,176,000 บาท จำนวนกว่า 20,674 หลอด ในพื้นที่เป้าหมาย จำนวน 11แห่ง ได้แก่ สำนักงาน กปร. มูลนิธิชัยพัฒนา ศูนย์ศึกษาการพัฒนาอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ทั้ง 6ศูนย์ และศูนย์สาขา 2 แห่ง ได้แก่ ศูนย์อำนวยการและประสานการพัฒนาพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนังอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดนครศรีธรรมราช และศูนย์พัฒนาการเกษตรภูสิงห์อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดศรีสะเกษ และศูนย์บริการการพัฒนาปลวกแดงอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดระยอง ปัจจุบันโครงการฯ ดังกล่าว ได้ดำเนินการเสร็จสิ้นไปเรียบร้อยแล้ว และได้ได้กำหนดแผนจัดทำจุดสาธิตและแสดงการใช้ไฟฟ้า ตลอดจนตรวจวัดพลังงานประเมินผลการประหยัดพลังงานโดยปี 2558สามารถประหยัดพลังงานไฟฟ้าได้ถึงปีละ 1.63 ล้านหน่วย คิดเป็นค่าไฟฟ้าที่ประหยัดได้ปีละ 6.5 ล้านบาท และช่วยบรรเทาปัญหาภาวะโลกร้อน ด้วยการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ปีละ 835ตัน นอกจากนี้ กฟผ. จะร่วมกับสำนักงาน กปร. ดำเนินการรณรงค์ส่งเสริมและประชาสัมพันธ์ รวมถึงเผยแพร่ความรู้ในเรื่องของการประหยัดพลังงานและสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องในการใช้หลอด LED เบอร์ 5 ให้กับประชาชนทั้งในพื้นที่และผู้เข้าเยี่ยมชมศูนย์ศึกษาการพัฒนาฯ อย่างต่อเนื่อง เพื่ออนุรักษ์พลังงาน อีกทั้งสนับสนุนให้มีการพัฒนาพลังงานสะอาด เพื่อลดก๊าซเรือนกระจกและแก้ปัญหา ภาวะโลกร้อน ในภาพรวมของประเทศต่อไปอีกด้วย