ความเคลื่อนไหว "ช้างศึก" ทีมฟุตบอลชาติไทย ที่เตรียมแข่งขันฟุตบอลโลก 2018 รอบ 12 ทีมสุดท้าย โซนเอเชีย กลุ่ม B นัดที่ 6 เปิดสนามราชมังคลากีฬาสถาน พบ "เศรษฐีน้ำมัน" ซาอุดีอาระเบีย วัน ที่ 23 มี.ค. เวลา 19.00 น. และนัดที่ 7 บุกเยือน "ซามูไร" ญี่ปุ่น ที่ไซตามะ สเตเดี้ยม วันที่ 28 มี.ค. เวลาไทย 17.35 น. ช่อง 7 สี ถ่ายทอดสด "โค้ชซิโก้" เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง กุนซือใหญ่ นำนักเตะ 28 คน ไปเก็บตัวฝึกซ้อมที่กิเลนวัลเลย์ ตั้งแต่วันที่ 16 มี.ค. ล่าสุดเมื่อ 20 มี.ค. ได้คุมลูกทีมลงซ้อมทั้งช่วงเช้า และเย็น โดยตอนเช้า ให้วิ่งเอาแรง ก่อนเข้าฟิตเนสเสริมกล้ามเนื้อ ส่วนตอนเย็นทบทวนแท็คติกต่างๆ เฮดโค้ชทีมชาติไทย กล่าวว่า ตอนนี้ถือว่าเหลือเวลาอีกไม่มากแล้ว โดยทีมจะซ้อมที่กิเลนวัลเลย์ ในวันที่ 21 มี.ค. เป็นวันสุดท้าย จากนั้นรุ่งขึ้นวันที่ 22 มี.ค. จะเดินทางเข้ากรุงเทพ ซ้อมอย่างเป็นทางการที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน ตอนนี้จะเร่งเติมแท็คติก ระบบการเล่น ต่างๆ นานา ให้ทีมชาติไทยให้มากที่สุด รวมทั้งจะต้องติวเรื่องลูกตั้งเตะ ที่หวังเป็นหนึ่งในอาวุธโจมตีซาอุฯ ด้วย โค้ชซิโก้ กล่าวต่อไปว่า นักเตะที่เรียกเข้าแคมป์ 28 คนนั้น จะต้องตัดตัวให้เหลือ 23 คน ซึ่งในส่วนของตำแหน่งผู้รักษาประตู ที่เรียกมา 3 คน คือ กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์, สินทวีชัย หทัยรัตนกุล, ชนินทร์ แซ่เอียะ แน่นอนว่าจะติดทัพทุกคน ส่วนผู้เล่นในสนาม มีโควตา 20 คน ต้องตัดออก 5 คน จากอีก 25 คน ซึ่งเป็นเรื่องที่ตนหนักใจมาก เพราะทุกรายล้วนตั้งใจฝึกซ้อมอย่างเต็มที่ ดังนั้นจึงต้องดูจนนาทีสุดท้าย ว่าจะใส่ชื่อใครอยู่ในทีมบ้าง ซึ่งทุกคนล้วนมีสิทธิติด และหลุดทีมเหมือนๆกัน ไม่ว่านักเตะใหม่หรือเก่า "เรื่องความสามารถเฉพาะตัว ล้วนพอๆกันทุกคน ไม่มีใครเหลื่อมล้ำกว่ากัน ดังนั้น สิ่งที่จะนำมาตัดสินคือ ใครจะเล่นเข้าระบบ ปรับตัวเข้ากับทีม เล่นได้กลมกลืนกับเพื่อนได้มากกว่ากัน ในช่วงเวลาการซ้อมที่เหลือ ผมขอดูในจุดนี้ ก่อนจะตัดสินใจว่าจะเลือกใคร ไม่สนว่าใครจะเป็นนักเตะใหม่ หรือเก่า ทุกคนมีโอกาสติดและหลุดทีมเท่ากัน 50-50 ผลงานการซ้อมที่ผ่านมา และเวลาที่เหลือจะเป็นตัวชี้วัด" ซิโก้ กล่าว