คอลัมน์ รายงานพิเศษ/นสพ.สยามรัฐสัปดาหวิจารณ์ มองข้ามช๊อต โผทหารเมษาฯ ถึง โยกย้าย ตค. ศึกชิง แม่ทัพ 1 ระอุ “บิ๊กณัฐ” จ่อ คุมกห. “เป็นไงล่ะ เงียบดีไหม” “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและรมว.กลาโหม แสดงความพอใจที่ การแต่งตั้งโยกย้ายทหารกลางปี ครั้งนี้ ไม่ได้ตกเป็นข่าว หรือมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ใดๆก่อน อีกทั้ง ก็มีประกาศออกมาอย่างรวดเร็ว ท่ามกลางความเงียบ เพราะสื่อไม่ได้จับตามองมากนัก โดยปกติแล้ว โผโยกย้ายนายทหารกลางปี จะประกาศหลัง 15 มีนาคม หรือจนถึง 31 มีนาคม เพราะจะต้องมีผล ตั้งแต่ 1 เมษายน แต่ปีนี้ โผทหารกลางปี คลอดออกมา ตั้งแต่ 11 มีนาคม ที่ผ่านมา ซึ่งถือว่าเร็วกว่าปกติ ทว่า ก็ไม่ได้มีการ “ยัดไส้” ใดๆ เพราะไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงในตำแหน่งสำคัญมากนัก เนื่องจากการแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารกลางปี จะเป็นการโยกย้ายเพื่อรองรับ นายทหารที่จะเกษียณอายุราชการในปลายปี เป็นส่วนใหญ่ แต่ที่ฮือฮาที่สุด ก็คือ การที่ พล.อ.ประวิตร ดึง “บิ๊กณัฐ” พล.ท.ณัฐ อินทรเจริญ รองเสธ.ทบ. ข้ามไปเป็น พลเอก ที่กลาโหม ด้วยรู้กันดีว่า พล.ท.ณัฐ เป็นนายทหารที่ไม่ใช่แค่ “น้องรัก” แต่ทว่า เป็น “ลูกเลิฟ” ของ พล.อ.ประวิตร เลยทีเดียว เพราะรับราชการใน พล.ร.2 รอ. อยู่กับ พล.อ.ประวิตร มาตั้งแต่เป็นนายทหารเด็กๆ จึงได้ชื่อว่า เป็น บูรพาพยัคฆ์ ที่สำคัญคือ เป็น นายทหารที่ใกล้ชิด พล.อ.ประวิตร ที่สุด ไม่ว่าจะงานราษฎร์ งานหลวง ของ “บิ๊กป้อม” จะมี พล.ท.ณัฐ ร่วมคณะไปด้วยเสมอ ที่ฮือฮา ก็เพราะ พล.ท.ณัฐ ได้กลายเป็น พลเอก คนแรกของ เตรียมทหารรุ่น 20 แซงหน้า “บิ๊กแดง” พล.ท.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ แม่ทัพภาค 1 แกนนำรุ่น เสียอีก แต่ก็เชื่อกันว่า การที่ พล.อ.ประวิตร ดัน พล.ท.ณัฐ ขึ้นมาเป็นหัวหน้าคณะนายทหารฝ่ายเสนาธิการประจำรมว.กลาโหม ติดยศพลเอก นั้น น่าจะเป็นการเปิดทางให้ มาเติบโตในกระทรวงกลาโหม เนื่องจาก ในกลาโหม ไม่มีนายทหารคนไหนที่มีความโดดเด่น หรือเรียกได้ว่า เป็น คนที่ พล.อ.ประวิตร วางตัวไว้ เพื่อให้ขึ้นมาเป็นปลัดกลาโหม หรือที่มีอยู่ ก็เติบโตไม่ทัน จึงให้ พล.ท.ณัฐ เหาะจากทบ.มากลาโหม เสียบเป็นพลเอก เพื่อเตรียมจ่อเป็น รองปลัดกลาโหม และเป็นปลัดกลาโหม ในอนาคต แต่อยู่ที่ว่า “บิ๊กป้อม” จะเนรมิตให้ น้องรักคนนี้ เป็นปลัดกลาโหม คนต่อไปเลยหรือไม่ เพราะอย่าลืมว่า ในการโยกย้ายปลายปีนี้ “บิ๊กช้าง” พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล ปลัดกลาโหม จะเกษียณอายุราชการ โดยที่ไม่มีใครในกลาโหม จ่อขึ้นมาเป็น ปลัดกลาโหม ได้ เพราะในระดับรองปลัด กลาโหม ทั้ง 4 คน จากทุกเหล่าทัพ ก็เกษียณราชการพร้อมกันหมด ที่สำคัญ ไม่มีข้อกำหนดว่า คนที่จะมาเป็น ปลัดกลาโหม จะต้อง เป็นพลเอก ที่ ครองอัตราจอมพล ก่อน แต่พลเอกธรรมดาๆ ก็เป็นปลัดกลาโหม ได้ ซึ่งในอดีตก็เคยมีมาแล้ว ดังนั้น พล.ท.ณัฐ ที่ขึ้นมาเป็น พลเอก ในโผนี้ ก็สามารถ ขึ้นเป็นปลัดกลาโหม ในโยกย้ายปลายปี 2560 นี้ได้เลย แต่ทว่า ก็คงจะโดนวิจารณ์อย่างหนัก อีกทั้งจังหวะเวลา จะไม่สวยงามนัก เพราะ ผบ.เหล่าทัพในปีหน้ายังเป็นรุ่นพี่ ตท.16 ทั้งนั้น พล.ท.ณัฐ เป็น รุ่นน้อง ตท.20 จะขึ้นมายืน เป็นเบอร์หนึ่งของข้าราชการประจำของกลาโหม อาจจะถูกติฉิน ได้ ถ้าจะให้สวย ในโยกย้ายปลายปี 2560 นี้ พล.ท.ณัฐ ซึ่งเป็นพลเอกแล้ว จะขยับเป็น รองปลัดกลาโหม ได้เลย เพื่อรอจ่อเป็นปลัดกลาโหม ที่อาจทำให้กลายเป็น “พลเอกแดดเดียว” พอ 6 เดือนข้างหน้า ก็ครองอัตราจอมพล นั่งเป็นรองปลัดกลาโหม เลย อย่าลืมด้วยว่า ในปี 2561 นี้จะเป็นปีที่มีการเลือกตั้ง และ เค้าท์ดาวน์ คสช.ที่จะต้องคืนอำนาจให้ประชาชน และนักการเมือง ในสถานการณ์เวลานั้น ไม่มีใครรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น กระบวนการปรองดอง ที่กำลังทำกันอยู่นี้จะสำเร็จหรือไม่ การเลือกตั้ง และหลังการเลือกตั้งจะเป็นอย่างไร ดังนั้น พล.อ.ประวิตร จำต้องมีคนของตัวเอง มาดูแลกลาโหม ซึ่ง พล.ท.ณัฐ ก็เป็นคนที่เขาไว้วางใจมากที่สุด อีกทั้ง โดยรุ่น ตท.20 ก็กำลังเติบโตขึ้นมาเป็นแผง จ่อในทุกเหล่าทัพอยู่แล้ว ทั้งนี้เพราะที่ ทบ. พล.อ.ประยุทธ์ ก็ได้วางตัว ให้ พล.ท.อภิรัชต์ แม่ทัพภาค 1 จ่อที่จะขึ้นมา คุมทบ.โดยคาดว่า โยกย้ายปลายปีนี้ ก็จะขยับ พล.ท.อภิรัชต์ ขึ้นมาเป็น พลเอก ในห้าเสือทบ. เมื่อ “บิ๊กเจี๊ยบ” พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผบ.ทบ. เกษียณอายุราชการ ในเดือนก.ย. 2561 พล.ท.อภิรัชต์ ก็จะขยับจาก ห้าเสือทบ.ยศพลเอก ในเวลานั้น ขึ้นเป็น ผบ.ทบ. เลย ทั้งนี้ พล.ท.อภิรัชต์ และ พล.ท.ณัฐ ก็ถือว่าเป็นเพื่อน ตท.20 ที่สนิทสนมรักใคร่กันอย่างมาก เพียงแต่ว่า พล.ท.อภิรัชต์ เป็น ทหารวงศ์เทวัญ สายตรง พล.อ.ประยุทธ์ ส่วน พล.ท.ณัฐ เป็น บูรพาพยัคฆ์ ที่เป็นลูกรัก พล.อ.ประวิตร คาดกันว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะเยียวยาหัวใจ น้องเลิฟ อย่าง “บิ๊กเข้” พล.อ.เทพพงศ์ ทิพยจันทร์ ผช.ผบ.ทบ. น้องรัก สายทหารเสือราชินี ให้ข้ามมาเป็น ปลัดกลาโหม ในโยกย้ายปลายปีนี้ แทน พล.อ.ชัยชาญ ที่จะเกษียณ เพื่อชดเชยที่ ไม่ได้เป็น ผบ.ทบ. เนื่องจาก พล.อ.ประยุทธ์ เห็นว่า พล.อ.เฉลิมชัย เหมาะสมกับสถานการณ์ที่ไม่ปกตินี้มากกว่า จึงน่าจะให้นั่งเป็น ผบ.ทบ.ต่อ 2 ปี จนเกษียณในก.ย. 2561 พล.อ.เทพพงศ์ ก็ต้องข้ามจาก ผช.ผบ.ทบ.มาเป็น ปลัดกลาโหม อันเป็นตำแหน่งที่ทรงเกียรติ ก่อนเกษียณราชการ ในปี 2561 พร้อมกับ พล.อ.เฉลิมชัย แม้ว่า ในช่วงนี้ จะยังมีการจับตาว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะเปลี่ยนใจ เปลี่ยนตัว ผบ.ทบ. หรือไม่ หลัง พล.อ.เฉลิมชัย นั่งเป็น ผบ.ทบ.มาได้เกือบ 6 เดือนแล้ว แต่กลับปรากฏให้เห็นว่า พล.อ.ประยุทธ์ กับ พล.อ.เฉลิมชัย ทำงานเข้าขาเข้าคู่กันดี มีอะไรคล้ายๆกัน แถมเรียกหากันบ่อยๆด้วย อีกทั้ง มีกระแสข่าวสะพัด เรื่องอนาคต ของ พล.อ.เฉลิมชัย ที่จะเป็น ผู้สืบสานเจตนารมณ์ของ พล.อ.ประยุทธ์ จึงทำให้ เชื่อกันว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะให้ พล.อ.เฉลิมชัย เป็น ผบ.ทบ. 2 ปี จนเกษียณเลย ที่สำคัญ ในปี 2561 เป็นปีของการเลือกตั้ง และการเปลี่ยนผ่านทางการเมือง ที่ยังไม่มีใครรู้ว่า จะได้มีการรัฐบาลจากการเลือกตั้ง หรือว่า จะเป็นรัฐบาลปรองดองแห่งชาติ หรือ รัฐบาลนอมินีทหาร เมื่อนั้น บทบาทของ ผบ.ทบ. จะมีความสำคัญอย่างยิ่ง โดยเฉพาะ พล.อ.เฉลิมชัย นายทหาร รบพิเศษ ที่มีความล้ำลึก และมองกันยาวๆ ข้ามช๊อตไปอีกว่า พล.อ.ประยุทธ์ ก็วางตัว พล.ท.อภิรัชต์ ไว้เป็น ผบ.ทบ. ต่อจาก “บิ๊กเจี๊ยบ” พอดี แต่ทว่า หน้าตาของ โผโยกย้ายทหารครั้งนี้ ยังชี้ให้เห็นว่า ในการโยกย้ายปลายปีนี้ จะน่าจับตามอง เพราะจะมีการชิงเก้าอี้ แม่ทัพภาค 1 กันเองระหว่าง เตรียมทหารรุ่น 20 จะเห็นได้ว่า ในโผนี้ ไม่มีการขยับที่กองทัพภาค 1 “บิ๊กตู่” พล.ท.กู้เกียรติ ศรีนาคา ยังคง เป็น แม่ทัพน้อยที่ 1 ส่วน “บิ๊กโอ” พล.ต.พงษ์สวัสดิ์ พรรณจิตต์ ก็ยังเป็น รองแม่ทัพภาค 1 ไม่มีใครขึ้นมาเป็น รองเสธ.ทบ. แทน พล.ท.ณัฐ เพื่อนตท.20 ที่ขึ้นเป็นพลเอก เรียกได้ว่า ไม่มีใครได้เปรียบเสียเปรียบกัน ในการโยกย้ายครั้งนี้.... แต่ก็เชื่อกันว่า การเลือกแม่ทัพภาค 1 ในโยกย้ายปลายปีนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ก็จะเป็นคนตัดสินใจ ร่วมด้วย คงไม่ได้ให้ พล.อ.ประวิตร จัดโผคนเดียว ก่อนหน้านี้ พล.อ.ประยุทธ์ ก็เลือก พล.ท.อภิรัชต์ เป็นแม่ทัพภาค 1 ไม่เลือก พล.ท.กู้เกียรติ น้องรักบิ๊กป้อม จนทำให้เกิดเสียงวิจารณ์ และเป็นการลดพาวเวอร์ของ บิ๊กป้อม ในกองทัพลงด้วย มาโยกย้ายครั้งหน้า ในปลายปี 2560 นี้ ก็เชื่อกันว่า พล.อ.ประยุทธ์ ก็จะไม่สนับสนุน พล.ท.กู้เกียรติ อีก แต่ต้องดูกันในอีกไม่ช้านี้ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะเลือกสูตรไหนในการเลือกแม่ทัพภาค 1 ในสถานการณ์ช่วงเปลี่ยนผ่านอำนาจ ระหว่าง พล.ต.พงษ์สวัสดิ์ นายทหารสายวงศ์เทวัญ ที่ใครๆในกองทัพภาค 1 ก็บอกว่า มาแรง ในฐานะนายทหารที่เติบโตมาในหน่วยรักษาพระองค์มาตลอด และสร้างผลงานจากการดูแลความสงบเรียบร้อยรอบสนามหลวง หรือว่า นายกฯจะเลือก นายทหารตท.22 รุ่นน้อง ขึ้นมาเป็นแม่ทัพภาค 1 เลย ไม่ว่าจะเป็น “บิ๊กหนุ่ย” พล.ต.ธรรมนูญ วิถี รองแม่ทัพภาค 1 น้องรักสายบูรพาพยัคฆ์ หรือว่า “บิ๊กติ่ง” พล.ต.สันติพงศ์ ธรรมปิยะ รองแม่ทัพภาค 1 อีกคน สายทหารเสือราชินี เรียกได้ว่า ทั้ง 2 คน เป็นน้องรักของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ต่างสไตล์ อยู่ที่ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะเห็นว่าใครเหมาะสมกับสถานการณ์ แต่หากดูจาก งานที่รับผิดชอบแล้ว พล.ต.ธรรมนูญ จะดูสายงานยุทธการ การข่าว ในภารกิจดูแลสนามหลวง ก็คุมเรื่องการรักษาความปลอดภัย และได้มาช่วยดูแลตอนที่ใช้ ม.44 คุม วัดพระธรรมกาย อีกด้วย ส่วน พล.ต.สันติพงศ์ อดีตผบ.พล.ร.2 รอ.และ อดีต ผบ.ร.21 รอ. นั้น ก็มาดูแลสายงานกิจการพลเรือน พล.ต.พงษ์สวัสดิ์ รุ่นพี่ ตท.20 มีอายุราชการถึงปี 2564 พร้อมกับ พล.ต.ธรรมนูญ รุ่นน้องตท.22 ส่วน พล.ต.สันติพงศ์ เกษียณ 2565 เลยทีเดียว จึงอาจกล่าวได้ว่า เป็นการตัดสินใจที่ยากลำบาก อีกครั้งของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่คงจะต้องเลือก คนที่เหมาะสมที่สุด กับสถานการณ์ แล้วที่สำคัญ การเลือกแม่ทัพภาค 1 จะเป็น ดัชนีชี้วัดด้วยว่า พล.อ.ประยุทธ์ วางแผนรับมือสถานการณ์ ช่วงเลือกตั้ง และหลังการเลือกตั้ง อย่างไร รวมถึง อาจสะท้อนว่า พล.อ.ประยุทธ์ ได้ตัดสินใจวางอนาคตทางการเมืองให้ตัวเองอย่างไร อีกด้วย อีกไม่นาน ก็รู้......