เมื่อเวลา 13.40น. วันที่ 21 มี.ค.60 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ร.ต.อ.ศรัญพงศ์ ทองปาน รอง สว.(สอบสวน) สน.วัดพระยาไกร รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้แคมป์พักคนงานขนาดใหญ่ไม่มีเลขที่ ซอยเจริญราษฎร์ 5 แยก 2 ถนนเจริญราษฎร์ แขวงบางโคล่ เขตบางคอแหลม กทม. จึงรายงานผู้บังคับบัญชาทราบก่อนรุดไปตรวจสอบพร้อม พ.ต.อ.รัชพล ชนะศรีขจร ผกก.สน.วัดพระยาไกร อาสามูลนิธิร่วมกตัญญู อาสามูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง พร้อมประสานไปยังหน่วยงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเพื่อขอรถดับเพลิงกว่า 10 คัน ที่เกิดเหตุเป็นแคมป์พักคนงาน 2 ชั้นขนาดใหญ่เนื้อที่ประมาณ 1 ไร่ มีรั้วสังกะสีปิดมิดชิดปลูกเรียงกันจำนวน 4 หลังติดกับอาคารพานิชย์ของประชาชน พบแสงเพลิงพวยพุ่งออกมาจากแคมป์ดังกล่าวและมีกลุ่มควันสีดำลอยคละคลุ้งปกคลุมไปทั่วบริเวณ คนงานแบกข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัวออกมาจากแคมป์พักกันอย่างอลหม่าน ทางเจ้าหน้าที่ดับเพลิงเร่งระดมนำหัวฉีดน้ำกว่า 10 หัว เข้าสกัดเพลิงที่กำลังโหมกระหน่ำโดยใช้เวลานานกว่า 50 นาทีเพลิงจึงสงบลงอย่างสิ้นเชิง นายสุวัฒน์ ตันเสถียร ผอ.สำนักงานเขตบางคอแหลม เปิดเผยว่า หลังจากที่ได้รับแจ้งเหตุได้เดินทางมาตรวจสอบยังจุดเกิดเหตุทราบว่าเป็นแคมป์พักคนงานของบริษัททวีพรเทคโนโลยีจำกัด (รับเหมาก่อสร้างบ้านจัดสรร) ซึ่งปลูกติดกันจำนวน 4 หลังคาใหญ่ มีจำนวนประมาณ 300 ห้อง ตรวจสอบเบื้องต้นเพลิงลุกไหม้ห้องพักเสียหายประมาณ 10 ห้อง มีผู้ได้รับบาดเจ็บเป็นเจ้าหน้าที่ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย 1 ราย ถูกเหล็กหล่นใส่ศรีษะนำส่ง รพ.เจริญกรุง ซึ่งหลังจากนี้จะทำการประกาศพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่เขตเพลิงไหม้ห้ามเข้าห้ามใช้ และให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.วัดพระยาไกร เข้ามาตรวจสอบที่เกิดเหตุและทำการสอบสวนอีกครั้งเพื่อหาสาเหตุการเกิดเพลิงไหม้ครั้งนี้ต่อไป จากการสอบสวนนายสุธี จังกล อายุ 53 ปี คนงานของบริษัททวีพรเทคโนโลยีจำกัด เปิดเผยว่า ก่อนเกิดเหตุตนพร้อมเพื่อนร่วมงานทั้งหมดได้ออกไปปฏิบัติหน้าที่อยู่ด้านนอกแคมป์พักที่เกิดเหตุ จากนั้นมีเพื่อนคนงานวิ่งมาพร้อมกับตะโกนว่าไฟไหม้แคมป์พักคนงานจึงพากันรีบวิ่งกลับไปดูข้าวของยังห้องพัก แต่ด้วยไฟที่กำลังลุกไหม้อย่างรุนแรงจึงไม่สามารถเข้าไปภายในแคมป์ได้ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะเข้ามาระงับเหตุดังกล่าวได้ ร.ต.อ.ศรัญพงศ์ เปิดเผยว่า เบื้องต้นเจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่าสาเหตุเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจรก่อนจะลุกลามตัวห้องพักที่ทำจากไม้ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตามหลังจากนี้จะประสานไปยังเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุอีกครั้งและทำการสอบปากคำผู้พบเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดเพื่อสรุปสาเหตุการเกิดเพลิงไหม้ครั้งนี้ต่อไป ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลังจากเพลิงได้สงบลงทางเจ้าหน้าที่หน่วยงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยที่เข้าไปปฏิบัติหน้าที่สกัดและควบคุมเพลิงได้พบภาพพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช (รัชกาลที่ 9) ที่ไม่ไหม้จากเหตุการณ์ดังกล่าวซึ่งสร้างความปลื้มปิติให้กับผู้พบเห็นทุกคนที่อยู่ในจุดเกิดเหตุดังกล่าว