ดีเอสไอ รับคดี "ภูเรือ คาเฟ่" เป็นคดีพิเศษ หลังเข้าข่ายผู้มีอิทธิพลและเจ้าหน้าที่รัฐเกี่ยวข้อง วันนที่ 23 มี.ค. 60 พ.ต.ท.คมวิชช์ พัฒนรัฐ รักษาการผู้อำนวยการส่วนป้องกันและปราบปราม 1 ศูนย์ต่อต้านการค้ามนุษย์ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เปิดเผยว่า สืบเนื่องจาก ดีเอสไอ ร่วมกับ กรมการปกครอง สนธิกำลังบุกตรวจสอบสถานบริการที่เข้าข่ายกระทำความผิดฐานค้ามนุษย์ในพื้นที่ อ.ภูเรือ จ.เลย ทั้งหมด 3 แห่ง ประกอบด้วย ภูเรือ คาเฟ่ , มันส์มันส์คาราโอเกะ และ ทรายทอง คาราโอเกะ ซึ่งพบเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี รายหลายมาค้าประเวณี เมื่อวันที่ 16 ก.พ.60 ที่ผ่านมา พ.ต.ท.คมวิชช์ กล่าวอีกว่า ดีเอสไอ ได้ดำเนินการตรวจสอบพบว่าร้าน ภูเรือ คาเฟ่ เข้าข่ายการกระทำผิดตาม พ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษและผู้มีอิทธิพล จึงรายงานต่อ พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีดีเอสไอ พิจารณาก่อนรับเป็นคดีพิเศษ 29/2560 เมื่อวันที่ 16 มี.ค.60 ซึ่งต้องมีอัยการร่วมสอบสวนด้วย ทั้งนี้ ดีเอสไอ เตรียมไปรับสำนวนคดีจาก สภ.ภูเรือ จ.เลย พร้อมย้ายตัวผู้ต้องหาเป็นผู้หญิง 2 ราย คือ นางถาวร ศรีพรม เจ้าของร้าน และ นางจง โสมาศรี ผู้ช่วยเจ้าของร้าน จากเรือนจำกลางจังหวัดเลย มายัง ทัณฑสถานหญิงกลาง ย่านจตุจักร สำหรับผู้เสียหายได้รับการคุ้มครองจาก กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เรียบร้อยแล้ว พ.ต.ท.คมวิชช์ กล่าวต่อว่า จากการจับกุมครั้งดังกล่าวได้มีการตรวจสอบบัญชีธนาคารและข้อมูลการติดต่อของร้าน ภูเรือ คาเฟ่ ปรากฎว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐบางรายเข้ามาเกี่ยวข้องจึงได้ประสาน สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) เพื่อช่วยแกะรอยหลังเคยร่วมกันตรวจสอบสถานบริการที่ จ.หนองคาย มาก่อนหน้านี้แล้วพบข้อมูลบางส่วนแต่ยังไม่สามารถพิสูจน์ได้ชัดเจน จึงทำการขยายผลจนทราบว่ามี เจ้าหน้าที่ตำรววจ 4 ราย สังกัด ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดเลย 2 ราย ตำรวจภูธรเมืองหนองบัวลำภู 1 ราย และ ชุดปราบปรามการกระทำผิดต่อเด็กและเยาวชนภาค 4 อีก 1 ราย ซึ่ง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว "นอกจากนี้ ทาง ป.ป.ท. จะดำเนินการไต่สวนทั้งคดีอาญาและวินัยควบคู่ไปด้วย ซึ่งการสอบสวนทางวินัยจะแจ้งไปยัง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้รับทราบ ส่วน คดีอาญา จะส่งอัยการสั่งฟ้องศาลต่อไป อย่างไรก็ตาม คดีการ ฟอกเงิน จะดำเนินการพิจารณาในลำดับต่อไปเช่นกัน" พ.ต.ท.คมวิชช์ กล่าว