จากความเจริญถึงขีดสุดในวันนี้ เมืองพัทยาที่ไม่เคยหลับใหล ได้หันกลับมามองรากเหง้าทางวัฒนธรรมวิถีชีวิตที่ดูรางเลือนไปบ้างตามกาลเวลา ด้วยกลุ่มคนในชุมชนพื้นถิ่นที่รวมตัวกันสร้างสรรค์กิจกรรมการท่องเที่ยวในพื้นที่ของตัวเองไว้คอยต้อนรับนักท่องเที่ยวได้เข้ามาชม มาสัมผัสประสบการณ์พิเศษ ได้เรียนรู้อีกมุมหนึ่งของเมืองพัทยา ที่เป็นรูปแบบการท่องเที่ยวแนววิถีชีวิต ในรูปแบบกิจกรรมการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ แตกต่างจากแหล่งท่องเที่ยวหาดทรายชายทะเล และไนท์ไลฟ์ อื่นๆ ที่นักท่องเที่ยวคุ้นเคย โดยมีองค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (องค์การมหาชน) หรือ อพท. นำเสนอแนวความคิดให้ชุมชนพัฒนาการทำงานให้เกิดกิจกรรมการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ ด้วยระบบการบริหารจัดการโดยชุมชนและเพื่อชุมชนร่วมรับผลประโยชน์ ไปทำนาหนองปลาไหล สำหรับ หนองปลาไหล ชุมชนที่ตั้งอยู่ย่านวัดหนองเกตุใหญ่ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี มีทุ่งนากว้างใหญ่กว่า 190 ไร่ ซึ่งชุมชนแห่งนี้อดีตเคยเป็นแหล่งผลิตข้าวของชาวหนองปลาไหล แต่เมื่อเวลาผ่านไป การทำนาเริ่มลดลง มีบ้านจัดสรรและร้านค้าเข้ามาทดแทน จึงทำให้นายถนอมศักดิ์ ผาติเสนะ ข้าราชการครูเกษียณ ซึ่งปัจจุบันเป็นประธานชมรมส่งเสริมการท่องเที่ยวโดยชุมชนหนองปลาไหล กล่าวว่า ได้พลิกฟื้นผืนนาดังกล่าวขึ้นมา ด้วยการทำเป็นแหล่งเรียนรู้สอนวิธีการทำนาให้แก่เยาวชน ให้เด็กรุ่นใหม่ได้เรียนรู้และจดจำการทำนาปลูกข้าวอาชีพหลักและอาหารหลักของคนไทยตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน พร้อมกันนี้ทาง องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (องค์การมหาชน) หรือ อพท. ได้นำเสนอแนวความคิดให้ชุมชนพัฒนาการทำงานเป็นกิจกรรมการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ ด้วยระบบการบริหารจัดการโดยชุมชนและเพื่อชุมชนร่วมรับผลประโยชน์ จึงเป็นที่มาของการจัดกิจกรรมดำนาวันแม่ เกี่ยวข้าววันพ่อ ช่วงเดือน สิงหาคมถึงเดือนธันวาคมและ มกราคมของปีถัดไป โดยจัดขึ้นต่อเนื่องปีนี้เป็นปีที่ 3 โดย นายถนอมศักดิ์ กล่าวต่อว่า กิจกรรมของชมรมส่งเสริมการท่องเที่ยวโดยชุมชนหนองปลาไหล จะใช้เวลาประมาณครึ่งวัน ถ้าเป็นฤดูทำนา ช่วงเช้าก็จะให้นักท่องเที่ยวทดลองดำนา ถางหญ้า เกี่ยวข้าว จากนั้นก็จะไปชมวงดนตรีพื้นบ้าน ทดลองทำอาหารพื้นบ้าน เช่น แกงกล้วยรอไก่ ส่วนของหวาน เป็นวัตถุดิบใกล้ตัว เช่น แป้งจากข้าวเจ้า และมะพร้าว นำมาทำเป็นขนมต้มแสนอร่อย ก่อนจะแวะไปสัมผัสบรรยากาศบ้านทุ่งในเมืองพัทยาแห่งนี้ แวะชมโขนที่หนองปรือ เมื่อเสร็จสิ้นกระบวนการทดลองเป็นชาวนาที่หนองปลาไหลแล้ว ช่วงบ่ายสามารถแวะไป ชุมชนชนหนองปรือ ซึ่งอยู่ใกล้ๆ กัน โดยจุดเด่นของที่นี่ คือ เป็นชุมชนที่มีภูมิปัญญาเรื่องโขน ตั้งแต่การทำหน้ากากโขน การแสดงโขน และภูมิปัญญาอื่นๆ ซึ่งที่วัดหนองปรือ จะเป็นแหล่งรวมของดีของชุมชน ตั้งแต่การแสดงโขน การทำหน้ากากโขนที่เป็นขนาดใหญ่ใช้ใส่แสดง และขนาดจิ๋วเพื่อเป็นของที่ระลึก โดยมี นักท่องเที่ยวมาทำกิจกรรมหัวโขนจิ๋วแต่งแต้มสีปิดทอง นำกลับไปตั้งประดับที่บ้านได้ในราคา 300 บาท และที่วัดหนองปรือ ยังมีวิหารหลวงพ่อช้าง เป็นวิหารโบราณทำจากไม้อายุกว่า 200 ปี มีตำนานเล่าต่อกันมาว่า สถานที่แห่งนี้เคยเป็นที่พักของทหารร่วมรบของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช และหลวงพ่อช้างคือหนึ่งในทหารร่วมรบ สำหรับวัดแห่งนี้ยังเชื่อกันว่าน่าจะอยู่ในเส้นทางเดินทัพของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ที่รวบรวมผู้คนจัดทัพเข้ากู้คืนกรุงศรีอยุธยาอีกด้วย ทั้งนี้เมื่อนักท่องเที่ยวมาเยือน ชาวบ้านก็จะนำน้ำสมุนไพรมาให้ดื่มชื่นใจ พร้อมบอกเล่าสรรพคุณของสมุนไพรแต่ละชนิด อีกทั้งยังมีกิจกรรมทำลูกประคบ บอกที่มาที่ไปและประโยชน์ของส่วนผสมต่างๆ ตั้งแต่ขมิ้น ไพร และอื่นๆ เพราะฉะนั้นจึงทำให้นักท่องเที่ยวได้สนุกสนานตลอดทริปการเดินทาง ซึ่งสามารถไปเช้าเย็นกลับ หรือพักค้างคืนก็ชิล ไม่มีปัญหา ทั้งสนุกและได้ความรู้ตั้งแต่เช้าถึงเย็น