วันที่ 25 มี.ค. 60 นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี อดีตส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวตั้งข้อสังเกตุเรื่องภาษีที่ดินใหม่โดนเฉพาะคนรวยเพราะไม่เก็บภาษีบ้านและที่ทำเกษตรตำ่กว่า50ล้านบาทจริงหรือไม่ว่า ตนอยากจะฝากพิจารณาถึงจุดอ่อนของร่าง พ.ร.บ.ที่ดินและสิ่งปลูกสร้างก่อนที่จะบังคับใช้จริง ดังนี้ 1. เกษตรกรได้ยกเว้นภาษีแค่แปลงแรก ถ้าแปลงที่2อยู่คนละซอย ก็ไม่นับราคารวมกัน โดนภาษีเต็มๆ เช่น แปลงแรกราคา1ล้าน(ไม่ถึง50ล้าน)ได้ยกเว้นภาษีเฉพาะแปลงแรก ส่วนแปลงที่2ราคา1ล้านโดนเก็บภาษีเต็ม 2. ผู้ประกอบการรายย่อย (SME) ไม่มีที่ดิน ต้องเช่าที่สวยๆ ทำธุรกิจ อย่างร้านอาหาร ตลาดนัด จะโดนค่าเช่าหนัก เพราะภาษีที่ดินใหม่คิดจากราคาประเมิน ไม่ได้คิดจากค่าเช่าแบบภาษีโรงเรือนเดิมเช่น ที่ดินและอาคารราคา 100 ล้าน ค่าเช่าปีละ 1 ล้าน เดิมเสียภาษี 12.5% ของค่าเช่า คือ 125,000 บาท แต่ภาษีใหม่คิดเป็นขั้นบันได0.3 0.5 0.7 จากราคาประเมิน 100 ล้าน โดนภาษีเพิ่มเป็น 560,000 บาท 3. ภาษีใหม่ไม่เอื้อต่อการจัดผังเมือง ไม่มีส่วนลดภาษีให้สิ่งก่อสร้างที่ตรงตามผังเมือง ควรแก้ไขเหตุที่ปัจจุบันผังเมืองถูกเปลี่ยนตามการลงทุน แทนที่การลงทุนจะต้องเป็นไปตามผังเมือง 4. ไม่เอื้อโซนนิ่งพื้นที่การเกษตร ไม่มีส่วนลดภาษีหากปลูกพืชตามความต้องการของรัฐ เช่น มาตรการลดภาษีที่ดินให้หากไม่ปลูกข้าวนาปรังในช่วงภัยแล้ง หรือการลดพื้นที่ปลูกยางพาราก็จะทำไม่ได้ 5. จะเก็บภาษีที่ดินใหม่ไดเ ต้องมีการประเมินที่ดินและสิ่งปลูกสร้างก่อน ซึ่งปัจจุบันกรมธนารักษ์ประเมินแค่ที่ดินก็ยังขาดอีก 15 ล้านไร่ โดยสิ่งก่อสร้างยังไม่ได้ประเมิน 6. การบูรณาการใช้แผนที่อัตราสัดส่วนเดียวกันทั้งประเทศเพื่อแสดงการใช้ที่ดินประเภทต่างๆ (Single map)ยังไม่เสร็จ แผนที่แบ่งเขตป่า เขตอุทยาน สปก. ที่เอกชนยังทับซ้อน ไม่เป็นแผนที่เดียวกัน จะมีปัญหาตอนเก็บภาษีจริง ดังนั้นผู้มีอำนาจต้องพิจารณาข้อด้อยเหล่านี้ว่าจะสามารถลดความเหลื่อมล้ำได้จริงหรือไม่ หรือแค่เป็นการทำแบบลูบหน้าปะจมูก สักแต่ว่าทำ