“ถ้าคนเรามีสุขภาพเสื่อมโทรม ก็จะไม่สามารถพัฒนาชาติได้ เพราะทรัพยากรที่สำคัญของประเทศชาติก็คือพลเมืองนั่นเอง” พระราชดำรัสของ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช หนึ่งในน้ำพระราชหฤทัยที่ทรงห่วงใยพสกนิกรชาวไทย โดยเฉพาะสุขอนามัยที่ทรงถือเป็นเรื่องสำคัญ ทุกครั้งที่หน่วยแพทย์พระราชทานในโครงการสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี โดยโรงพยาบาลชลประทาน (ศูนย์การแพทย์ปัญญานันทภิกขุ ชลประทาน มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ) ออกปฏิบัติงานต่างจังหวัดและชายแดนไทยพื้นที่ต่างๆ เดินทางด้วยเส้นทางทุรกันดาร ที่พัก อาหารการกิน และการใช้ชีวิตไม่ได้สะดวกสบายเหมือนอยู่ในเมือง แต่ทุกคนต่างตระหนักถึงการทำความดีเพื่อประเทศชาติ และดำเนินรอยตามพระองค์ท่าน... นพ.สุรสิทธิ์ ตั้งสกุลวัฒนา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลชลประทาน เผยครั้งนี้ได้นำทีมแพทย์ ทันตแพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่หน่วยแพทย์พระราชทานฯ ออกตรวจสุขภาพให้นักเรียนและประชาชนในพื้นที่รร.บ้านน้ำช้างพัฒนา และรร.บ้านน้ำรีพัฒนา ต.ขุนน่าน อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.น่าน พื้นที่ดังกล่าวอยู่ติดกับภูพยัคฆ์ ใต้เทือกเขาสันปันน้ำกั้นเขตแดนระหว่างไทย-ลาว หลักกม.ที่ 30 ที่ในอดีตเป็นดินแดนแห่งตำนานสมรภูมิรบเก่าระหว่างทหารไทยกับกลุ่มคอมมิวนิสต์ เป็นที่ตั้งศูนย์บัญชาการรบ ฐานที่มั่นของกลุ่มคอมมิวนิสต์ ซึ่งปัจจุบันพัฒนาเป็นสถานีพัฒนาการเกษตรที่สูงภูพยัคฆ์ ทั้งนี้ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้ทรงเยี่ยมหน่วยแพทย์พระราชทาน และหน่วยทันตกรรมพระราชทานที่ทรงโปรดเกล้าฯออกหน่วยบริการตรวจรักษาราษฎร มีผู้รับบริการ 344 คน เป็นนักเรียน 200 คน ประชาชน 144 คน ให้บริการทันตกรรม 214 คน ส่วนใหญ่เป็นโรคเหงือกและฟัน รองลงมาคือโรคระบบกล้ามเนื้อและกระดูก โดยทรงรับผู้ป่วยไว้เป็นคนไข้ในพระราชานุเคราะห์ 7 คน ด.ญ.นภัสกร จิรพรชิต นักเรียนชั้นม. 2 รร.บ้านน้ำช้างพัฒนาเผยว่า ตื่นเต้นและดีใจมากๆ ที่มีหมอมาตรวจถึงโรงเรียน เพราะเด็กๆ อยู่ที่หมู่บ้านห่างไกลจากตัวเมืองไม่ค่อยได้พบเจอคนต่างถิ่น ชีวิตประจำวันจะอยู่บ้านและโรงเรียนเท่านั้น ไม่สบายเจ็บไข้ก็รักษาตัวเอง ไม่ได้ไปหาหมอที่สถานีอนามัยหรือโรงพยาบาล วันนี้หมอบอกว่าควรดูแลทำความสะอาดปากและฟันให้มากกว่านี้และต้องแปรงฟันทุกวันค่ะ...