นายกฯ ยันรัฐบาลนี้ต้องไม่ทำอะไรที่ผิดกฎหมาย ชี้ความเท่าเทียมไม่ว่าใครทำผิดต้องถูกดำเนินคดี ภายใต้ก.ม.เดียวกัน ขออย่าเชื่อคำบิดเบือนไปสั่งเล่นงานใคร เมื่อเวลา 09.00 น.วันที่ 27 มี.ค.พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และคณะเดินทางถึงท่าอากาศยานนครพนม จากนั้นออกเดินทางโดยขบวนรถยนต์ ไปยังโรงเรียนบ้านนาโดนใหม่ ต.โคกหินแฮ่ อ.เรณูนคร จ.นครพนม เพื่อพบประชาชนที่มาให้การต้อนรับกว่า 3,000 คน โดยมีนายสมชาย วิทย์ดำรงค์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนมให้การต้อนรับ พร้อมชมการแสดงชุดรำพื้นเมือง จากนักเรียนโรงเรียนเรณูนครวิทยานุกูล จากนั้นนายกฯได้ขึ้นเวทีกล่าวกับประชาชนตอนหนึ่งว่า ทุกคนที่เป็นคนไทยต้องคำนึงถึงภาพรวมของประเทศก่อน ประเทศไทยมี 76 บวก 1 ซึ่งไม่ได้มาบอกหวย เห็นจ้องรถนายกฯ พอไม่ถูกก็บ่นว่านายกฯอีกว่าเอารถอะไรมา ทำไมไม่ถูกหวย ซึ่งเป็นเรื่องของโชคชะตา ขณะที่รัฐบาลทุ่มเทการทำงานเพื่อให้ถึงหมู่บ้านอย่างแท้จริง มีงบประมาณลงไปสู่หมู่บ้าน ตำบล ต่อไปสู่จังหวัด กลุ่มจังหวัด และภูมิภาค ทั้งนี้ ต้องบริหารราชการแบบภูมิภาค ซึ่งหากมีความเหมือนกันจนเกินไป หรือทุกอย่างยังอยู่แบบเดิมๆ รัฐบาลไม่มีการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจใหม่หมดทั้งประเทศ ก็ขายใครไม่ได้ ซึ่งโทษใครไม่ได้ รัฐบาลนี้พยายามแก้ไขปัญหาทั้งหมด ไม่ว่าจะราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ ปัญหาน้ำ ปัญหาความมั่นคง การบังคับใช้กฎหมาย ซึ่งเป็นปัญหามาโดยตลอด ไม่ค่อยได้รับการแก้ไข ทุกคนจะกลับมาเดิมๆ แก้แบบเดิมๆมากี่ปีแล้ว ซึ่งก็แก้ไม่ได้ แก้ได้ชั่วครู่ชั่วคราว แล้วปัญหาก็กลับมาใหม่ ไม่มีอะไรแก้สำเร็จไม่ได้สักเรื่องหนึ่ง วันนี้ต้องคิดโครงสร้างการทำงานใหม่ของรัฐบาลของประเทศ มองภาพเดียวกับที่ตนมอง แล้วจะรู้ที่ทำมาทุกวันนี้สอดคล้องกันอย่างไรตรงไหน แบ่งในรูปแบบเชิงการใช้จ่ายงบประมาณ ทำประเทศมีรายได้สูงขึ้นในการพัฒนาประเทศ โดยเฉพาะเออีซีต้องเกิด กลับมายังพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษ เกิดการลงทุน ต้องแก้ให้ได้ ไม่อย่างนั้นจะจมอยู่ที่เดิมๆในสิ่งเหล่านี้ ไม่มีทางดีขึ้น นายกฯ กล่าวว่า ทั้งนี้ เรื่องของภาษีจากผู้ประกอบการ ซึ่งตนไม่ได้มุ่งหวังภาษีจากประชาชน ถ้าท่านยังไงไม่ถึงก็ไม่ถึง คนที่ถึงจะได้มีรายได้มากขึ้น ให้ประเทศมากขึ้น ก็จะย้อนกลับมาสู่ท่านซึ่งเป็นประชาชน ไม่ได้กลับมาสู่รัฐบาล ซึ่งรัฐบาลมีเพียงทำประเทศพ้นกับดักจากประเทศที่มีรายได้ปานกลาง เรามีรายได้ต่อหัวจีดีพีคนละเท่าไหร่ 6 หมื่นกว่าบาทต่อปี แล้วอยู่ได้ไหม ตามมาด้วยหนี้นอกระบบ แล้วใครแก้ รัฐบาลนี้แก้หนี้นอกระบบ แต่ถามว่าแก้ครบหรือยัง ซึ่งยังจนกว่าเจ้าหนี้จะมาขึ้นทะเบียน ถ้าไมขึ้นปล่อยกู้เหมือนเดิมติดคุก อย่างนี้พอใจไหม มีใครกล้าทำ แต่ต้องทำ แต่ตนไม่ได้หมายความว่าจะไปปิดกั้น ตนรู้ว่าเขาเป็นธนาคารคนจน แต่เขาเรียกดอกเบี้ยแบบนั้นไม่ได้ แต่ไม่ใช้กู้ไปที่ดินหาย ซึ่งไม่ได้ต้องจดทะเบียน กำหนดอัตราดอกเบี้ย ถ้าทำอย่างนี้พออยู่ได้ เพราะเขาก็มีความเสี่ยง ต้องให้ความเป็นธรรมกับเขานิด และเมื่อยืมก็ต้องใช้หนี้เขา แต่ใช้ในกรอบที่กำหนด นี้คือสิ่งที่ท่านไม่รู้ตัวว่ารัฐบาลทำให้แล้ว นายกฯ กล่าวว่า เรื่องที่สองบอกว่าไม่มีความเป็นธรรม คนจนถูกดำเนินคดีตลอด วันนี้มีกองทุนยุติธรรม ใครไม่มีเงินค่าทนายไปแจ้งผ่านศูนย์ดำรงธรรม แล้วกระทรวงยุติธรรมจะมาดูแลดู ซึ่งมีใครเคยทำให้บ้างไหม ปล่อยติดคุกติดตารางกันไปเรื่อย ซึ่งผิดก็คือผิด แต่ต้องมีกลไกเหล่านี้ ช่วยเหลือเยียวยา นี้คือการช่วยเหลืออย่างแท้จริง ไม่ใช่อะไรก็ให้เอาเงินไปๆกฎหมายไม่ต้อง ผิดกฎหมายก็ได้ รัฐบาลทำแบบนี้ไม่ได้ โดยเฉพาะรัฐบาลนี้ทำไม่ได้ เพราะกฎหมายทำให้เรามีความเท่าเทียมกัน ไม่ว่าจะใคร หรือแม้แต่ตน ผิดกฎหมายเดียวกัน ต้องถูกดำเนินคดีเหมือนกัน นั้นแหละคือสิ่งที่เรียกว่าความเท่าเทียมในโลกใบนี้ เพราะฉะนั้นไม่มีใครอยู่นอกระบบ อย่าไปเชื่อคำบิดเบือนทุกวัน ตามสื่อที่เขียนว่า วันนี้รัฐบาลไปอะไรกับใคร ไม่เคยคิดอย่างนั้น ใครผิดก็ว่ามา แล้วแต่ว่าใครจะผิดหรือถูกไม่ได้รู้ ตนไปสั่งใครไม่ได้ นายกฯ กล่าวว่า วันนี้ เรากลับมาย้อนดูถ้าเราทำให้ประเทศมีการพัฒนาทุกระดับไปพร้อมๆกัน โดยมีเศรษฐกิจระดับบน ระดับกลาง และระดับฐานราก ซึ่งวันนี้ที่มีปัญหามากสุดคือคือเศรษฐกิจฐานรากของพวกเราทุกคน ซึ่งรายได้มาจากการเกษตร การท่องเที่ยว การค้าขาย ที่เห็นทุกวัน แต่มูลค่าไม่เกิดขึ้นมากเท่าที่ควร ทำอย่างไรก็เกิดได้เท่านี้ ไม่เร็ว ไม่หวือหวา คนที่มีรายได้เพียงพอต่อการดำรงชีพชีวิต แต่ปัจจุบันที่เทคโนโลยีกำลังเข้ามา โทรศัพท์ทุกอย่างแพงหมด แต่ผลิตการเกษตรต่ำลงๆ ตนถามจะอยู่กันอย่างไร คนที่มีรายได้เพียงพออยู่แล้วไม่เป็นไร อยากให้เผื่อแผ่คนที่ไม่มี รัฐบาลคิดแบบนี้ รัฐบาลจะไม่ทำให้คนมีอยู่แล้วเสียหาย แต่รัฐบาลจะไปเพิ่มคนตรงกลาง คนล่าง ให้เขามี มันต้องพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน เพราะนี้คือคนไทยทั้งหมด เราแยกแยะคนไทยไม่ได้ อย่างจ.นครพนามมี 7 ชนเผ่า แต่สำคัญสุดคือเป็นเผ่าไทย มีชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์องค์เดียวกัน ก็ขอร้องแล้วกัน นายกฯ กล่าวว่า โดยระบบเศรษฐกิจจะดีขึ้น ด้วยเศรษฐกิจขนาดใหญ่ การลงทุนในประเทศ การลงทุนในต่างประเทศ ต่างประเทศมาลงทุนในไทย คนไทยลงทุนในประเทศไทย และไปลงทุนต่างประเทศนี้คือระบบการค้าเสรี เราต้องส่งเสริมแบบนี้ ทั้งหมดคือเงินที่กลับมาบ้านเรา คือเงินภาษีที่กลับมาลี้ยงดูประเทศ มาพัฒนาประเทศ ถ้าไม่มีหาวิธีการหาเงิน ประเทศเราจะเสียหายไปเรื่อยๆ เพราะมีแต่ใช้เงิน ใช้แล้วหายไปเฉยๆ อย่างภัยพิบัติ ปีหน้าก็กลับมาใหม่ ไม่มีอะไรเป็นถาวรวัตถุเกิดขึ้น หรือสร้างแล้วใช้ประโยชน์ไม่ได้ เราต้องกลับมาทบทวนใหม่ เราอยากได้แต่ต้องคำนึงสิ่งที่เราจะได้รับกับสิ่งที่เราจะทำด้วย และรัฐบาลต้องกลั่นกรองตรงนี้ -- ลั่นไม่แกล้ง -ไม่อยากให้ใครติดคุก แต่ต้องทำตามกฎหมาย ไล่ให้ไปสู้คดีในศาล ไม่ขอให้รักแต่ทำให้ดีที่สุดเพื่อปชช. วอนหากพบแอบอ้างให้โทรแจ้ง ยันตัวเองไม่ฟุ่มเฟือยทานข้าวมื้อละร้อย พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า วันนี้ประเทศไทยมีความขัดแย้งแตกแยก และยังมีคนให้ข้อมูลบิดเบือนจึงไม่สามารถเป็นแกนกลางของอาเซียนได้ จำคำพูดของตนเอาไว้ตนไม่เคยรังเกียจใครทั้งสิ้น ไม่ได้อยากลงโทษใคร ไม่อยากเอาใครมาติดคุกแต่กฎหมายต้องเป็นกฎหมาย ถ้ากระทำความผิดก็ต้องดำเนินคดี จะผิดจะถูกก็ไปสู้คดีเอา หากไม่บังคับใช้กฎหมายใครจะทำอะไรก็ได้หาเงินได้ง่ายๆ วันนี้เงินส่วนหนึ่งมันหายไปเรื่อยๆทำให้ประชาชนไม่มีรายได้ทำให้เศรษฐกิจแย่ลง การลงทุนเกิดขึ้นน้อย ไม่ใช่รัฐบาลนี้เข้ามาทำให้เศรษฐกิจนี้เสียหาย ถ้าแก้ให้ถูกวิธีมันเดินหน้าไปมากกว่านี้แล้ว "ผมไม่โทษหรือโยนความผิดให้ใครรัฐบาลนี้ต้องรับผิดชอบในการที่จะไม่ทำให้ล้มละลาย แต่หลายคนก็นำมาโจมตีผม ซึ่งไม่เป็นธรรม เพราะผมไม่เคยทำ ผมใช้แต่กระบวนการยุติธรรม ไม่ได้ดำเนินคดีใหม่สักคดี ผมพยายามทำให้มันดีทำให้มันเร็วก็เจอการต่อต้าน แต่ผมไม่ได้สนใจ ผมกังวลแค่ประชาชนจะร่วมมือกับผมหรือไม่ เพราะผมทำให้ประชาชน ไม่ได้ทำให้ใคร" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า ตนจะทำให้ทุกคนรักคงไม่ได้ แต่ขอทำให้ดีที่สุดเพื่อคนส่วนใหญ่ อะไรที่ไม่ดีประชาชนต้องแยกออกให้ได้ อย่าเอามาเหมารวมทั้งหมด หากพบใครทุจริตให้มาบอกตน มาอ้างตนหรืออ้างรองนายกฯก็ให้มาบอก เพราะตนไม่ใช่คนอย่างนั้น อย่าไปเชื่อนะถ้าเอาไปอ้างให้โทรบอกตนทันที "ผมไม่ได้ปรึกษาเรื่องเงินเรื่องทองกับใคร ผมทำงานก็ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเสนอมาไม่เคยคิดให้พรรคพวกเสนอแล้วทำ เพราะตายไปก็เอาไปไม่ได้ ผมเป็นนายกฯก็ทานข้าวมื้อ 100 กว่าบาท จะกินอะไรก็อร่อยเหมือนกัน กินก๋วยเตี๋ยวชามเดียวก็อร่อย" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว --“บิ๊กตู่” ซัด พวกคนไทยชอบป่วนอยู่ต่างประเทศ บอกเหนื่อยใจ ขอคนไทยอย่าเชื่อ ลั่นยิ่งไล่อยู่ เอาให้รู้กันไป อย่าหวังให้ทำตามข้อเรียกร้อง แช่งคนด่าขอให้ปวดท้อง นายกฯ กล่าวว่า “ต่างประเทศเวลามาเที่ยวเมืองไทยเขาติดใจไม่อยากกลับ เว้นแต่คนไทยไม่ติดใจประเทศตัวเอง ไม่อยากอยู่ อยากไปอยู่ที่อื่น แปลกดีนะ ไม่ใช่พวกเรานะ มีบางพวกชอบหนีไปอยู่ที่อื่น มันไม่ใช่ มันต้องอยู่ประเทศไทย แผ่นดินไทยเกิดที่นี่ ต้องอยู่ที่นี่ ตายที่นี่ อะไรหนีไปอยู่ที่อื่นแล้วก็ด่าประเทศไทยโครมๆ ท่านยอมหรือ ผมไม่ทำหรอกไอ้แบบนี้ อย่าไปเชื่อเขา ไม่เชื่อผมก็ไม่เป็นไร แต่อย่าไปเชื่อเขาแล้วกัน ผมก็เหนื่อยใจ” นายกฯ กล่าวว่า ในเรื่องอุตสาหกรรมเราเป็นประตูหลายประตู แต่ชอบปิดประตูเอาไว้ มันต้องเปิดประตูแต่ต้องมีกฎหมายกติกาที่พร้อมกันทั้งสองฝ่าย ไม่ใช่เราเปิดประตูแต่อีกข้างเขายังควบคุมอะไรไม่ได้ เราต้องค่อยๆไล่เรียงไป การเปิดทุกประตูดีอยู่แล้ว แต่เราควบคุมได้หรือไม่ เรามีเจ้าหน้าที่ มีด่านพอหรือยัง ความมั่นคงมันต้องมี จะทำอะไรก็ตามอย่าคิดว่ามันไม่มีอะไรในบ้านเรา โอกาสมันมีทุกประเทศในโลก ดีว่าคนไทยเป็นคนน่ารัก เชื่อใจ เชื่อมั่น มีความรัก ความซื่อสัตย์ กตัญญู ใครให้อะไรก็รับหมด แต่วันนี้ก็แถมสักนิดเวลาใครเขาให้อะไรมา ดูว่าเขาให้ถูกหรือให้ผิด นายกฯ กล่าวต่อว่า เรื่องโรดแมปขอให้ทุกคนอยากกังวล ช่วงระยะเวลา 20 ปีข้างหน้าประเทศจะเดินไปอย่างไรก็ขอให้ทุกคนไปขอจากรัฐบาลหน้า วันนี้ตนวางแผนให้แล้ว และต้องพัฒนาให้ได้ภายใน 5 ปีที่เหมือนกับเด็กต้องเดินให้ได้ หากเดินแล้วล้มนั้นไม่แข็งแรง จึงขอแค่ 5 ปีให้ทุกคนคิดแบบตน รัฐบาลหน้าใครจะทำตนไม่รู้ แต่ขอให้ทำแบบที่ตนคิดไว้ให้ ยืนยันว่าไม่ได้บังคับว่าต้องทำตรงโน้นตรงนี้ก่อนหลัง ตนไม่เขียนแบบนั้นแน่นอน เพียงแค่เขียนไว้ว่ายุทธศาสตร์ที่ 1 คือประเทศชาติต้องมีความมั่นคงด้านต่างๆ ไม่ใช่เพียงความมั่นคงด้านทหารตำรวจเท่านั้น ส่วนความมั่นคงเราต้องสร้างให้คนอื่นเขาเกรงใจ ในเมื่อคนอื่นเขามีแต่เราไม่มีเขาก็ไม่เกรงใจเรา ซึ่งเรียกว่าศักยภาพการรบที่ไม่มีตัวตนยุทธศาสตร์ที่ 2 คือลดความเหลื่อมล้ำของประชาชนโดยประชาชนมีส่วนร่วม เริ่มจากการแก้กฎหมายทั้งหมดก็คงเกือบ 3,000 ฉบับ นายกฯ กล่าวว่า ยุทธศาสตร์ที่ 3 คือเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ยุทธศาสตร์ที่ 4 พัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ซึ่งสำคัญที่สุดทุกคนต้องมีหลักคิดที่ถูกต้อง เช่น เป็นประชาธิปไตยแล้วจะเป็นประชาธิปไตยอย่างไรไม่ให้มีการบาดเจ็บและสูญเสีย ไม่มีอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สิน ไม่ใช่คิดว่าไม่ใช่พวกตนก็เอาให้เละไปเลย แบบนี้ไม่ถูกต้อง ประชาธิปไตยไม่ใช่แบบนั้น รัฐบาลประชาธิปไตยจะต้องนำความเห็นที่ต่างมาคิดว่าจะอยู่ร่วมกันอย่างไร หาวิธีการแก้ไข ไม่ใช่ต่อสู้ บิดเบือน ทำผิดกฎหมาย ถามว่ารัฐบาลนี้บังคับหรือไม่ คนที่มานั่งด่าตนโครมๆ ทุกวันตนจะจับก็ได้ ยุทธศาสตร์ที่ 5 ต้องเป็นการพัฒนาที่สร้างความสมดุลยระหว่างมนุษย์กับสิ่งแวดล้อม และยุทธศาสตร์ที่ 6 การบริหารจัดการภาครัฐที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งที่ผ่านมาทุกข้อเคยทำมาแล้วแต่ไม่ทำอย่างจริงจัง ตนเพียงแค่เข้ามาจัดกลุ่มให้ชัดเจน "วันนี้ใครอยากจะด่ารัฐบาลก็ด่าไป ผมก็ไม่ขอรับอะไรทั้งสิ้น เพราะผมไม่ได้ทำ ส่วนไอ้คนด่าก็คงปวดท้อง วันนี้ขอว่าอย่าทำให้สังคมเสียหายและอย่าทำให้ต่างประเทศเข้าใจผิด เมื่อเขาไม่เข้าใจเราหรือเข้าใจผิดเขาก็ไม่มา เขาก็ไม่ซื้อสินค้าเรา ผมขอถามว่าผมไปละเมิดสิทธิมนุษยชนตรงไหน ก็มีแต่บางคนเท่านั้นที่จะต่อต้านผมในต่างประเทศ ก็มีแต่คนไทยที่ไปพูดให้ประเทศเสียหายในต่างประเทศ ขอถามจริงๆว่าทำเพื่ออะไร เดี๋ยวผมก็ไปแล้วถึงเวลาเราก็ต้องไป แล้วจะทำไปทำไม ทำแล้วคิดว่าไล่ผมได้หรือ ทำแล้วคิดว่าผมจะไปหรือ ยิ่งทำก็ยิ่งอยู่ เอาให้รู้เรื่องกันไปเลย อยากรู้จริงๆ ว่าพวกคุณทำไปทำไม ขอยืนยันว่าผมจะไม่ทำตามความต้องการของพวกเขาอยู่แล้ว อยากจะพูดอะไรก็พูดไป วันนี้ผมเห็นประชาชนเดือดร้อน ผมอยากช่วยเหลือ ขอบอกไว้เลยถ้าคนไทยไม่พัฒนาขึ้นภายใน 5 ปีอันตราย แต่เมื่อพูดแบบนี้กลับไปก็โดนด่า แต่ในเมื่อคุณว่าผมผมก็จะตอบแบบนี้ เค้ายิ่งไล่ผมก็ยิ่งอยู่ ใครเห็นด้วยขอให้ยกมือ ผมไม่ใช่นักการเมืองคงไม่ต้องหาเสียงแต่อยากถามความคิดเห็นพวกคุณเท่านั้น" นายกฯกล่าว จากนั้น นายกฯและคณะ ได้เยี่ยมชมนิทรรศการผลการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลของบ้านสวย เมืองสุข และกิจกรรมของศูนย์การเรียนรู้ตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง บ้านเนินน้ำคำ ต.โคกหินแฮ่ อ.เรณูนคร จ.นครพนม พร้อมทักทายประชาชนที่มาต้อนรับอย่างเป็นกันเอง และร่วมถ่ายรูปเซลฟี่ด้วย โดยระหว่างเยี่ยมชมนิทรรศการ นายกฯ ได้ร่วมเป่าแคนกับชาวบ้านที่มาต้อนรับ โดยนายกฯ ระบุด้วยว่า "วันนี้ไม่ได้ซ้อมมา" พร้อมได้ปลูกต้นกันเกรา ภายในโรงเรียนบ้านนาโดนใหม่ และเดินทางต่อ ไปยังวัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร ต.ธาตุพนม อ.ธาตุพนม จ.นครพนม ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ตลอดสองข้างทางที่ขบวนรถนายกฯ ผ่าน ได้มีประชาชนออกมายืนโบกมือต้อนรับหน้าบ้านและตามจุดต่างๆ