พาณิชย์ ร่วมมือภาคเอกชน ประกาศความพร้อมจัด “BIG + BIH April 2017” ครั้งที่ 43 หวังไทยเป็นศูนย์กลางสินค้าไลฟ์สไตล์ในอาเซียน ดันมูลค่าส่งออกเพิ่ม 5% ตั้งเป้าเงินสะพัดในงาน กว่า 800 ล้านบาท นางมาลี โชคล้ำเลิศ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่าในปีนี้มีปัจจัยบวกหลายประการที่จะช่วยผลักดันการส่งออกของไทยให้ขยายตัวขึ้น โดยเฉพาะการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มดีขึ้น อาทิ จีนที่สามารถรักษาการขยายตัวทางเศรษฐกิจไว้ได้ ขณะเดียวกันสหรัฐอเมริกาก็คาดว่าเศรษฐกิจในปีนี้จะดีขึ้น ที่สำคัญ กลุ่มอาเซียนซึ่งมีสัดส่วน 25% ของมูลค่าการส่งออกไทยยังขยายตัวได้ดีอยู่ ดังนั้น กระทรวงพาณิชย์จึงได้ตั้งเป้าการขยายตัวของการส่งออกในปีนี้ไว้ที่ร้อยละ5 ซึ่งสินค้าไลฟ์สไตล์ก็นับเป็นสินค้าอีกกลุ่มหนึ่งที่มีความสำคัญต่อภาคการส่งออก โดยในปีที่ผ่านมา สามารถส่งออกได้ถึง 2,718 ล้านเหรียญสหรัฐ และปีนี้ก็ได้ตั้งเป้าที่จะขยายการส่งออกเพิ่มขึ้น และในเดือนเมษายนนี้ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ จะนำผู้ซื้อจากต่างประเทศมาพบผู้ผลิตและผู้ส่งออกสินค้าไลฟ์สไตล์ของไทย ที่จะก่อให้เกิดการขยายตัวของการส่งออกเพิ่มขึ้นในงานแสดงสินค้าของขวัญและงานแสดงสินค้าของใช้ในบ้าน เดือนเมษายน 2560 (Bangkok International Gift Fair 2017 and Bangkok International Houseware Fair 2017) หรือ BIG + BIH April 2017 สำหรับการจัดงาน BIG + BIH April 2017 ในครั้งนี้ ระหว่างวันที่ 19 - 23 เมษายน ที่ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา ซึ่งในปีนี้ได้รับความสนใจจากต่างชาติมาร่วมงานแสดงสินค้าถึง 100 ราย เพิ่มขึ้น จากปีที่ผ่านมา มีเพียง 25 ราย และในปีนี้จะมีการนำเอาสินค้า โอทอป ที่เป็นไลฟ์สไตล์ และได้รับรางวัล TOP of OTOP มาจัดแสดงเป็นครั้งแรก เพื่อสร้างการรับรู้และส่งเสริมการค้าสินค้า โอทอป ให้มากขึ้น “งาน BIG + BIH April 2017 นับเป็นจุดหมายปลายทางของผู้ที่กำลังมองหาสินค้าของขวัญและของใช้ในบ้าน จากผู้ซื้อทั่วโลก ซึ่งนานาประเทศให้การยอมรับว่าสินค้าของไทยมีดีไซน์ที่สวยงาม มีความหลากหลาย ประณีตคุณภาพดี ราคาสมเหตุสมผล โดยกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศได้ตั้งเป้าจำนวนผู้ชมงานไว้ที่ 45,000 ราย แบ่งเป็นวันเจรจาธุรกิจ 5,000 ราย วันจำหน่ายปลีก 40,000 ราย และคาดว่าจะมีมูลค่าการซื้อขายภายในงานกว่า 800 ล้านบาท” นางมาลี กล่าว ส่วนภาพรวมการส่งออกของไทยในปีนี้จะขยายตัวได้ตามเป้าหมายที่ 5% แม้ว่าขณะนี้ อัตราแลกเปลี่ยนมีความผันผวนจากนโยบายของทางสหรัฐฯที่ยังไม่มีความชัดเจน และเป็นรูปธรรมออกมา แต่ผู้ส่งออกต่างได้ทำประกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนเอาไว้อยู่แล้ว และกรมฯเองก็มีแผนเชิงรุกในการผลักดันการส่งออก ซึ่งจะทำให้การส่งออกสามารถขยายตัวได้ตามที่ตั้งเป้าไว้ ด้านนายจิรบูลย์ วิทยสิงห์ เลขาธิการสมาพันธ์ ผลิตภัณฑ์ไลฟ์สไตล์ไทย กล่าวว่าค่าเงินที่แข็งค่า และมีความผันผวนถือเป็นความเสี่ยงต่อภาพรวมการส่งออกสินค้าในปีนี้ แต่สินค้าไทยมีศักยภาพ และคุณภาพการดีไซน์เป็นที่ต้องการของตลาดโลก จะทำให้สินค้าในกลุ่มนี้ยังสามารถขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง ขณะที่นโยบายของทางสหรัฐเชื่อว่าไม่มีผลกระทบต่อสินค้าในกลุ่มไลฟ์สไตล์เช่นกัน แต่น่าจะได้อานิสงส์จากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐที่ดีขึ้น เช่นเดียวกับกลุ่มอาเซียนที่การส่งออกยังไปได้ดี ส่วนคู่แข่งหลัก อย่าง จีนในปีนี้ได้รับผลกระทบจากต้นทุนที่สูงขึ้น เพราะนโยบายของสหรัฐฯ ที่มีการกีดกันทางการค้า รวมถึงค่าเงินหยวนที่อ่อนค่าลงมาก ขณะเดียวกันผู้ซื้อเองขาดความเชื่อมั่นต่อ คุณภาพสินค้าจีน จึงถือเป็นโอกาสสำหรับสินค้าไทยในการทำการค้าปีนี้