"ดีแลนด์"เดินหน้าพัฒนาโครงการใหม่ 2 โครงการ เน้นโซนภาคตะวันออกและขยายสู่โซนกรุงเทพฯและปริมณฑล หวังเป้ารายได้สิ้นปี 1,000 ล้านบาท นายศิริพงษ์ สมบูรณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทดีแลนด์ กรุ๊ป จำกัด เปิดเผยว่า ภาพรวมอสังหาฯปีนี้อาจมีแนวโน้มดีกว่าปีที่แล้วเล็กน้อยเป็นผลมาจากปัจจัยบวกเรื่องการลงทุนของภาครัฐเป็นหลักทำให้นักลงทุนมีความเชื่อมั่นที่จะลงทุนมากขึ้น แต่ยังมีปัจจัยลบที่น่าเป็นห่วงหนี้ครัวเรือนที่สูงทำให้เกิดการปฏิเสธสินเชื่อของแบงก์ค่อนข้างสูง ในส่วนของบริษัทที่ผ่านมามียอดปฎิเสธสินเชื่อสูงถึงร้อยละ 40 สูงต่อเนื่องมา1-2 ปี แต่ปีนี้คาดว่าจะลดน้อยลงเพราะบริษัทปรับแผนเน้นขยายฐานกลุ่มลูกค้าที่เป็นพนักงานมากขึ้น ซึ่งสามารถตรวจสอบข้อมูลฐานนะทางการเงินได้ชัดเจน ด้านแผนการเปิดตัวโครงการใหม่ปีนี้จะยังเน้นพัฒนาโครงการในโซนภาคตะวันออกและขยายเข้าในโซนกรุงเทพฯและปริมณฑลมากขึ้น โดยจะเปิดตัวทั้งหมด 2 โครงการ คือ ที่จ.ระยอง อ.ปลวกแดง โครงการแนวราบ รูปแบบทาวน์เฮ้าส์ พื้นที่ 90 ไร่ มูลค่าโครงการ 1,500 ล้านบาท จำนวน กว่า 800 ยูนิต ราคาขายเริ่มต้น 1.5-2 ล้านบาท แบ่งการลงทุนออกเป็น6-7 เฟส คาดเปิดโครงการได้ในไตรมาส 4 ปีนี้ และ อีกโครงการที่จะเปิดปีนี้เช่นกัน คือ ในเขตนนทบุรี ปัจจุบันอยู่ระหว่างการเจรจาซื้อขายที่ดิน เนื่อที่ประมาณ 40-50 ไร่ อาจพัฒนาเป็นโครงการบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮ้าส์ นายศิริพงษ์ สมบูรณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทดีแลนด์ กรุ๊ป จำกัด ส่วนความคืบหน้าโครงการเดอะพราว พระราม2 บ้านเดี่ยวสร้างเสร็จพร้อมอยู่ เนื้อที่ 31 ไร่มูลค่าโครงการ 550 ล้านบาท จำนวน110 ยูนิต พื้นที่เริ่มต้น 50.4 ตร.ว.-100 ตร.ว. ราคาขายเริ่มขึ้น 4.8 ล้านบาทและ 5.4 ล้านบาท แบ่งการก่อสร้างออกเป็น 5 เฟส ปัจจุบันเปิดขายไปแล้ว 2 เฟส มียอดขายอยู่ที่ 36 ยูนิต จากทั้งหมด 44 ยูนิต และปีนี้จะเปิดตัวเฟสที่3 อีกประมาณกว่า 20 ยูนิต โดยจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันที่ 1-2 เม.ษ.นี้ พร้อมนำเฟสเก่าที่เหลือขายอีก 8 ยูนิต ไปเปิดตัวพร้อมกันและมีโปรโมชั่นพิเศษ อย่างเช่น ราคาพิเศษเริ่มต้นที่ 4.59 ล้านบาทในจำนวนจำกัด และฟรีเครื่องครัว Buil-In มูลค่ากว่า 70,000 บาท ทั้งนี้เชื่อว่าจะขายได้ทั้งหมดประมาณ 20 ยูนิต หรือประมาณ 100 ล้านบาท สำหรับเป้าหมายรายได้ในปีนี้หลังจากที่เปิดตัวโครงการใหม่ต่อเนื่อง คาดว่าจะอยู่ที่ 1,000 ล้านบาท ส่วนยอดขายคาดว่าจะอยู่ที่ 1,200 ล้านบาท สูงขึ้นจากปี่ผ่านมาที่มีรายได้อยู่ที่ 900 ล้านบาทโดยในปี2559 ยอมรับว่ามีรายได้ต่ำกว่าเป้าที่วางไว้ต้นปีคือ 1,300 ล้านบาท เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวกำลังซื้อผู้บริโภคบ้านปรับตัวลดลง รวมถึงหนี้ครัวเรือนที่สูงทำให้ยอดปฎิเสธสินเชื่อจากแบงก์สูงขึ้นดังกล่าว