เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 5 เม.ย.60 ที่ สน.บางเขน นางผุสดี อัญชัญภาติ หญิงขับแท็กซี่ไล่ผู้โดยสารลงจากรถได้ เข้ามอบตัวกับพนักงานสอบสวน สน.บางเขนแล้ว หลังจากถูกออกหมายจับคดีลักทรัพย์ผู้โดยสาร เมื่อปี 2558 โดยก่อนหน้านี้ผู้โดยสารเข้าแจ้งความว่า ถูกนางผุสดีไล่ลงจากรถ และขับรถออกนอกเส้นทาง ทั้งยังลักทรัพย์เป็นเงินสดกว่า 10,000 บาท โทรศัพท์มือถือ และทรัพย์สินมีค่าอื่นๆ ก่อนขับรถหลบหนีไป ทั้งนี้พนักงานสอบสวน อยู่ระหว่าง สอบปากคำนางผุสดีเพิ่มเติม ก่อนให้พนักงานสอบสวน สน.พหลโยธิน มาอายัดตัวในข้อหาวิ่งราวทรัพย์และกักขังหน่วงเหนี่ยวภายในซอยลาดพร้าว 1 เมื่อปี 2557 โดยคดีนี้ได้ไล่ผู้โดยสารลงจากรถ แต่เมื่อผู้โดยสารกำลังก้าวขาลง ก็ขับรถกระชากออกไป ทำให้ผู้โดยสารได้รับบาดเจ็บ และยังกระชากเงินสด 2,000 บาทไปจากมือผู้โดยสารด้วย อย่างไรก็ตาม พ.ต.อ.อำนาจ อินทรศวร ผกก.สน.บางเขน กล่าวว่า พล.ต.ต มนตรี ยิ้มแย้ม รอง ผบช.น.กำลังเดินทางมาติดตามคดีด้วยตนเอง ก่อนจะนำตัวไปฝากขังที่ศาลอาญารัชดา เบื้องตันไม่อนุญาตให้ประกันตัว เนื่องจากมีการกระทำผิดในพื้นที่อื่น เช่น สน.พหลโยธินและพื้นที่อื่นๆด้วย โดยตำรวจสน.พหลโยธินจะเดินทางมาอายัดตัวไปดำเนินคดีตามกฎหมาย ต่อมาเวลา 10.30 น. นางผุสดี เปิดเผยว่า ตนเริ่มขับแท็กซี่เมื่อปีิ2555-2556 โดยยอมรับว่าเป็นคนอารมณ์ร้อน ถ้าเครียดจะมีอาการโมโหรุนแรงทันที ทั้งนี้ยอมรับว่าตนและผู้โดยสารมักจะทะเลาะกันเรื่องเส้นทางหลายครั้ง และตนมักจะเครียดและโมโหหากต้องไปเส้นทางที่รถติด เนื่องขากอยากส่งผู้โดยสารให้ถึงที่เร็วๆ และจะได้ไปรับผู้โดยสารคนอื่นต่อ เพราะต้องหาเงินไปใช้หนี้ นอกจากนี้ยอมรับว่าตนเป็นคนเครียดอยู่แล้ว เนื่องจากประสบปัญหาหนี้สินจำนวนมากถึงขั้นขายบ้าน ขายรถ ประกอบกับไม่ประสบความสำเร็จเรื่องครอบครัว เมื่อมาขับรถและเจอรถติดก็ยิ่งเครียด โดยปกติไม่ได้ไปรักษาจริงจัง แต่จะซื้อยานอนหลับกับยาคลายเครียดจากร้านขายยา หรือคลินิกมากินเอง นางผุสดี กล่าวอีกว่า สำหรับเหตุการณ์ตามในคลิปนั้น เกิดจากผู้โดยสารเป็นแม่และลูกกันเรียกรถตนจากแพลตตินัม ไปย่านจรัญสนิทวงศ์ ซึ่งรถติดมาก ผู้โดยสารที่เป็นลูกสาวจึงให้ตนเข้าไปในซอย ซึ่งตนไม่อยากมีปัญหา จึงเข้าไปในซอย แต่เมื่อรถติดทางผู้โดยสารก็ด่าว่าตนและหาว่าตนพาอ้อมเส้นทาง ตนจึงเริ่มเครียด ขอให้ลงแต่ผู้โดยสารไม่ยอมลงและไม่จ่ายเงิน บอกให้ส่งให้ถึงที่ิ ก่อนที่ตนจะบอกว่าขอไปเติมแก๊ส ทางผู้โดยสารไม่พอใจจึงพยายามจะลง ขณะที่ผู้โดยสารที่เป็นแม่พยายามจะจ่ายตังค์ แต่ลูกไม่ให้จ่าย ตนและผู้โดยสารที่เป็นลูกจึงยื้อเงินกันจนเงินขาด ก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์ตามในคลิป อย่างไรก็ดีขณะที่เหตุการณ์ที่มีการแจ้งความไว้ที่สน.พหลโยธินที่ระบุว่าตนชิงเงินผู้โดยสารจำนวน2000บาทนั้นไม่เป็นความจริง เพราะผู้โดยสารเรียกตนจากเซนทรัลลาดพร้าวไปยังลาดพร้าวซอย1 ค่ามิเตอร์เพียง53 บาท และผู้โดยสารก็จ่ายมา 60 บาทเป็นธนบัตร20จำนวน 3ใบ ซึ่งตนก็ได้ทอนไปแล้ว5 บาท และหากตนจะชิงเงิน2,000บาทก็เป็นไปไม่ได้ เนื่องจากผู้โดยสารนั่งข้างหลัง ตนจะทำได้อย่างไร นอกจากนี้ตนก็ไม่ทราบว่าผู้เสียหายบาดเจ็บขณะลงรถอีกด้วย นางผุสดี กล่าวต่อว่านอกจากนี้ กรณีที่มีการแจ้งความว่าตนลักทรัพย์จำนวน 10,000บาทเมื่อปี2558 ก็ไม่เป็นความจริง และเรื่องที่ใช้คัตเตอร์จี้ผู้โดยสารตนก็ไม่เคยทำ แต่ยอมรับว่าตนพกคัตเตอร์ไว้ในรถจริงเพื่อป้องกันตัว ทั้งนี้ตนอยากขอโทษผู้โดยสาร ขอโทษเจ้าของอู่รถที่ทำให้เดือดร้อน ตนไม่ได้ตั้งใจ ไม่มีเจตนาจะทำร้ายใคร และเหตุการณ์ครั้งนี้ถือเป็นบทเรียนอย่างมาก ซึ่งตอนนี้ตนก็ไม่ได้ขัยรถมานานมากแล้ว และที่เข้ามามอบตัวเพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ ขณะที่ พล.ต.ต.มนตรี เปิดเผยว่าหลังจากนี้ ทางพนักงานสอบสวน สน.บางเขน จะต้องสอบปากคำนางผุสดีเพิ่มเติม และจะควบคุมตัวนางผุสดีพร้อมสำนวน ส่งให้พนักงานอัยการคดีพิเศษ 5 สำนักงานอัยการสูงสุด ถ.รัชดาภิเษก ที่ศาลอาญาในช่วงบ่ายวันนี้ อย่างไรก็ตามพนักงานสอบสวน สน.พหลโยธินได้ขออายัดตัวนางผุสดีไว้ เพื่อดำเนินคดีต่อในข้อหาวิ่งราวทรัพย์ และกักขังหน่วงเหนี่ยวภายในซอยลาดพร้าว 1 เมื่อปี 2557 โดยคดีนี้ได้ไล่ผู้โดยสารลงจากรถ แต่เมื่อผู้โดยสารกำลังก้าวขาลง ก็ขับรถกระชากออกไป ทำให้ผู้โดยสารได้รับบาดเจ็บ และชิงเงินสด 2,000 บาทไปจากมือผู้โดยสารด้วย ด้านทนายความ เปิดเผยว่า เบื้องต้นได้เตรียมหลักทรัพย์ จำนวน 200,000 บาท ขอประกันตัวในชั้นอัยการ