คุกอ่วม กว่า 300 ปี " อดีตนายก อบต.ทุ่งคลอง เมืองน้ำดำ" ทุจริตเรียกรับเงิน แก้ไขกระดาษคำตอบช่วยผู้สมัครสอบพนักงาน อบต.เหลือจำจริง 50 ปี ที่เหลืออีก 23 คนคุกกันถ้วนหน้า 4 - 50 ปี เมื่อวันที่ 6 เม.ย.นี้นายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 30 มี.ค.ที่ผ่านมา ศาลจังหวัดกาฬสินธุ์ ได้มีคำพิพากษาคดีทุจริตปฏิบัติหน้าที่มิชอบ หมายเลขดำ 3513/2554 เพื่อช่วยเหลือให้ผู้สมัครสอบบรรจุเข้ารับราชการและบรรจุแต่งตั้งเป็นพนักงานส่วนต.ทุ่งคลอง จ.กาฬสินธุ์ และกระทรวงมหาดไทยที่พนักงานอัยการจังหวัดกาฬสินธุ์ เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนายถาวร บุตรศรี อดีต นายก อบต.ทุ่งคลอง อ.คำม่วง จ.กาฬสินธุ์ ประธานคณะกรรมการบริหาร อบต.ทุ่งคลอง , พ.ต.ท.จักรินรัชต์ อินทร์แปลง ประธานสภา อบต.กมลาไสย ,นายสมบัติหรือพงศ์ศรัณย์ พิมโคตร ปลัดอบต.สำราญ ,ว่าที่ร.ต.สุรสิทธิ์ ศิริ ปลัด อบต.สมเด็จ ,นายฉลอง เทือกภูเขียว ปลัด อบต.ทุ่งคลอง , นายฉัตรชัย เยื้องกลาง ปลัดอบต.ภูแล่นช้าง , นายวิชัย จันทุดม ปลัดอบต.ดินจี่ ,นางมัทนารัตน์ กงกาหนหรือสัตราศรี สมาชิกสภา อบต.ทุ่งคลอง, นายอมร อ่อนรัชชา ปลัดเทศบาลตำบลโพน, นางสังวร อ่อนรัชชา มารดาของนายอมร ,น.ส.สุดใจหรือปรุดาหรือนพัชภรณ์ ศรีบ้านโพน พนักงานจ้างตามภารกิจเทศบาลตำบลโพน , นายธิติ คูสกุลรัตน์ นายก อบต.หนองผือ ,นางทิวาพร บุญตราน อาจารย์ 3 ระดับ 8 รร.บ้านสี่แยกสมเด็จ , นายศิริศักดิ์ คะยอมดอก ปลัด อบต.สายนาวัง, นายพูลรัตน์ วารีพิณ ปลัด อบต.หนองบัว, นางเกศฎาพร ภูพานเพชร เจ้าพนักงานการเงินและบัญชี อบต.ทรายทอง ,นางอารีย์หรือณิชชา วงศ์เกษม ปลัดเทศบาลเมืองกาฬสินธุ์, นายพรวิทย์ สิทธิจินดา นายก อบต.สหัสขันธ์ ,นายพิเชษฐ์หรือชัยมงคล จันทสา ปลัด อบต.โนนน้ำเกลี้ยง ,นายสุขุมหรือสุขุมวรัชญ์ อัครเศรษฐัง นายก อบต.ยางตลาด, นายชาญชัยหรือณฐาภพ สีดาแก้ว ปลัด อบต.คำโนนสะอาด, นายสมบัติ วรรณฤทธิ์ ผอ.รร.บ้านคำพิมูล ,นายสุลขิต แก้วสุทอ เจ้าพนักงานปกครอง 7, นางนิยดาหรือกานติญาดา นาไชยโย นักวิชาการเงินและบัญชี ,นายวิไล ดลเจิม หัวหน้าส่วนการโยธา อบต.โนนน้ำเกลี้ยง และน.ส.บุษยา มหาโชติ หัวหน้าส่วนการคลัง อบต.เนินยาง เป็นจำเลยที่ 1-26 ( ตำแหน่งเดิมช่วงเกิดเหตุ ) ในความผิดฐานเจ้าพนักงานเรียกรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ, เป็นเจ้าพนักงานปฎิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือโดยทุจริตเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด และเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานกระทำผิด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 , 157 และเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ทำเอกสาร กรอกข้อความหรือดูแลรักษาเอกสารกระทำการปลอมเอกสารโดยอาศัยโอกาสที่ตนมีหน้าที่นั้น, ปลอมและใช้เอกสารปลอมตามมาตรา 161 , 264 , 265 , 268 โดยศาลจังหวักาฬสินธุ์พิพิพากษา จำคุกนายถาวร บุตรศรี อดีต นายก อบต.ทุ่งคลอง จำเลยที่ 1 และ นายฉลอง เทือกภูเขียว ปลัด อบต.ทุ่งคลอง จำเลยที่ 5 สูงสุดเป็นเวลา 50 ปี ส่วนจำเลยที่ 2- 4 ,7,9 จำคุกคนละ 20 ปี, จำเลยที่ 8 จำคุก 6 ปี, จำเลยที่ 11 และ 22 จำคุก คนละ 12 ปี , จำเลยที่ 13 -16 , 19-21 ,24-26 จำคุกคนละ 4 ปี และจำเลยที่ 17 , 18, 23 ให้จำคุกคนละ 8 ปี สำหรับ นางสังวร อ่อนรัชชา จำเลยที่ 10 และนายธิติ คูสกุลรัตน์ นายก อบต.หนองผือ จำเลยที่ 12ได้เสียชีวิตระหว่างพิจารณา ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า สำหรับคำพิพากษาคดีนี้มีความยาว กว่า 380 หน้า สรุปพฤติการณ์กระทำผิดพวกจำเลยได้ว่า เมื่อวันที่ 4 มี.ค.48 อบต.ทุ่งคลอง ประกาศรับสมัครสอบแข่งขันเป็นพนักงานส่วนตำบล 12 ตำแหน่ง ซึ่งกำหนดวันรับสมัครตั้งแต่วันที่ 16 มี.ค. – 10 เม.ย.48 กำหนดสอบข้อเขียนวันที่ 21-22 พ.ค. 48 ประกาศผลผู้สอบผ่านข้อเขียนและมีสิทธิ์สอบสัมภาษณ์วันที่ 3 มิ.ย. 48และให้สอบสัมภาษณ์วันที่ 11 มิ.ย.48 ปี โดยจำเลยที่ 1 เป็นผู้ลงนามแต่งตั้งให้จำเลยที่ 2 -7 เป็นคณะกรรมการดำเนินการสอบ และจำเลย ที่ 1-7 ยังเป็นคณะกรรมการตรวจข้อสอบ ต่อมาเมื่อวันที่ 13 มิ.ย.ได้ประกาศขึ้นบัญชีผู้สอบแข่งขันได้จำนวน 881 ราย ซึ่งการสอบแข่งขันนั้น จำเลยที่ 1-7 ร่วมกันกระทำผิดหลายกรรมโดยเรียกรับเงินตั้งแต่ 100,000 – 400,000 บาทเพื่อช่วยเหลือผู้เข้าสอบ โดยมีจำเลยที่ 8 -26 เป็นผู้ให้ความช่วยเหลือหรือสนับสนุนกระทำความผิด การกระทำดังกล่าวทำให้ อบต.ทุ่งคลอง และกระทรวงมหาดไทย ได้รับความเสียหายเหตุ เกิดที่ต.กาฬสินธุ์ , ต.โพนทอง , ต.หนองกุง และต.ในเมือง อ.เมืองกาฬสินธุ์ จ.กาฬสินธุ์ จำเลยทั้งหมดให้การปฏิเสธ โดยศาลพิเคราะห์ข้อเท็จจริงแล้ว ฟังได้ว่า จำเลยที่ 1-7 ซึ่งเป็นคณะกรรมการตรวจข้อสอบ เป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่โดยตรงในการกำกับดูแลรักษากระดาษคำตอบของผู้ที่เข้าสอบ เพื่อมิให้มีการแก้ไขและทุจริตในการตรวจกระดาษคำตอบ แต่กลับปรากฏว่ากระดาษคำตอบของผู้เข้าสอบมีการแก้ไขอย่างประจักษ์ชัดแจ้ง ซึ่งไม่น่าเชื่อว่าผู้เข้าสอบในรายดังกล่าวจะสามารถทำข้อสอบได้ภายในเวลาอันจำกัดจนทำให้สอบได้ประกอบกับข้อเท็จจริงยังฟังได้ว่าจำเลยที่ 1-7 ร่วมกันปลอมเอกสารราชการโดยนำกระดาษคำตอบของผู้เข้าสอบมาแก้ไขให้ข้อที่ระบายคำตอบผิด ให้เป็นถูก การกระทำของจำเลยที่ 1-7 เป็นตัวการร่วมกันปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต และมูลเหตุที่จำเลยที่ 1-7 ได้ร่วมกันกระทำนั้นเชื่อว่ามีความเชื่อมโยงกับการที่มีการจ่ายเงินให้กับพวกจำเลยวัตถุประสงค์ก็เพื่อให้ช่วยเหลือผู้เข้าสอบนั้นให้สอบได้ ซึ่งข้อเท็จจริงสอดคล้องตรงกับคำให้การของพยานซึ่งให้เงินพวกจำเลย และพยานที่ให้การกับอนุกรรมการและเลขานุการของคณะอนุกรรมการ ป.ป.ช. รวมทั้งรายงานการไต่สวนข้อเท็จจริงของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ประกอบกับไม่พบข้อเท็จจริงว่าพยานเคยมีสาเหตุโกรธเคืองกับพวกจำเลยมาก่อน พฤติการณ์จึงทำให้เชื่อว่าพวกจำเลยร่วมกันเรียกรับเงิน โดยมีจำเลยที่ 8 -26 เป็นผู้สนับสนุนช่วยเหลือให้จำเลยที่ 1-7 ร่วมกันปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต และเพื่อตอบแทนการปฏิบัติหน้าที่ของจำเลยที่ 1-7 ในการตรวจข้อสอบเพื่อช่วยเหลือผู้เข้าสอบให้สามารถสอบเข้ารับราชการได้ ส่วนข้อต่อสู้ปฏิเสธว่าไม่ได้เรียกรับเงินนั้นไม่มีเหตุผลและน้ำหนักให้รับฟังได้ ศาลจึงพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตาม มาตรา 149 , 157 , 161 , 265 , 268 วรรคแรก ให้จำคุก 8 กระทงๆละ 9 ปี เป็น 72 ปี ฐานเป็นเจ้าพนักงานเรียกรับทรัพย์สินฯ , ฐานเป็นเจ้าพนักงานร่วมกันปฏิบัติโดยทุจริตฯ จำคุก 40 กระทงๆละ 6 ปี เป็นจำคุก 240 ปี และฐานปลอมเอกสารราชการและใช้เอกสารราชการปลอมโดยเป็นเจ้าพนักงานร่วมกันปฏิบัติหน้าที่เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด จำคุกอีก 6 ปี รวมจำคุกทั้งสิ้น 318 ปี แต่เมื่อนับโทษทุกกระทงแล้ว คงให้จำคุกจำเลยที่ 1 สูงสุดมีกำหนด 50 ปี ส่วนจำเลยที่ 5 จำคุก 9 ปี ผิดฐานเรียกรับทรัพย์สินฯ , ฐานร่วมกันปฏิบัติโดยทุจริต จำคุก 47 กระทงๆละ 6 ปี เป็นจำคุก 282 ปี และฐานปลอมเอกสารราชการและใช้เอกสารราชการปลอมโดยเป็นเจ้าพนักงานร่วมกันปฏิบัติหน้าที่เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด จำคุกอีก 6 ปี รวมจำคุก 288 ปี แต่เมื่อนับโทษทุกกระทงแล้ว คงให้จำคุกสูงสุดจำเลยที่ 5 ไว้ 50 ปี สำหรับจำเลยที่ 2 - 4, 6,7 มีความผิดตามมาตรา 157 , 161 , 265 , 268 วรรคแรก ให้จำคุก 48 กระทงๆ ละ 6 ปี เป็นจำคุกคนละ 288 ปี ฐานเป็นเจ้าพนักงานร่วมกันปฏิบัติโดยทุจริต เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด และฐานปลอมเอกสารราชการและใช้เอกสารราชการปลอมโดยเป็นเจ้าพนักงานร่วมกันปฏิบัติหน้าที่เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด จำคุกอีกคนละ 6 ปี รวม 294 ปีแต่เมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้วให้จำคุกจำเลยที่ 2 - 4, 6,7 ไว้คนละ 20 ปี สำหรับจำเลยที่ 8 มีความผิดตาม มาตรา 149 ให้จำคุก 6 ปี ฐานเป็นผู้สนับสนุนกระทำผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานเรียกรับทรัพย์สินฯ และจำเลยที่ 9 ,11, 13 -26 มีความผิดตาม มาตรา 157 โดยจำเลยที่ 9 ให้จำคุก 7 กระทงๆละ 4 ปี เป็น 28 ปี ฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานร่วมกันปฏิบัติโดยทุจริตเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด แต่เมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้ว คงให้จำคุกจำเลยที่ 9 มีกำหนดสูงสุด 20 ปี ส่วนจำเลยที่ 11 ให้จำคุก 3 กระทงๆ 4 ปี เป็นจำคุก 12 ปี ฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานร่วมกันปฏิบัติโดยทุจริตฯ ขณะที่จำเลยที่ 13 -16 , 19-21 , 24-26 ให้จำคุกคนละ 4 ปี ฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานร่วมกันปฏิบัติโดยทุจริตฯ กับจำเลยที่ 17 , 18 , 23 ให้จำคุก 2 กระทงๆละ 4 ปี เป็นจำคุก 8 ปี ฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานร่วมกันปฏิบัติโดยทุจริต และจำเลยที่ 22 ให้จำคุก 3 กระทงๆ ละ 4 ปี เป็นจำคุก 12 ปี ฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานร่วมกันปฏิบัติโดยทุจริต