ททท.เผยแผนกระตุ้นตลาดท่องเที่ยวระยะสั้น ยืนยันทำรายได้ตามเป้า พร้อมรณรงค์ติดริบบิ้น“ขาว-เหลือง” วันที่ 15 ส.ค. 59 นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวถึงแผนการทำการตลาดด้านการท่องเที่ยว เพื่อกระตุ้นการเดินทางของนักท่องเที่ยวไทยและนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ หลังเกิดเหตุระเบิดใน 7 จังหวัด เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม ต่อเนื่องถึง 12 สิงหาคม 2559 ที่ผ่านมา ว่า ในทันที่ที่เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น ททท.ได้เปิดศูนย์ติดตามสถานการณ์ท่องเที่ยว เพื่อรวบรวมข้อมูลที่คาดว่าจะมีผลกระทบกับการท่องเที่ยว โดยให้สำนักงาน ททท. ในประเทศ รายงานบรรยากาศการเดินทางท่องเที่ยว สถิติการจองห้องพัก และจำนวนนักท่องเที่ยว ภายในพื้นที่รับผิดชอบ ส่วนสำนักงาน ททท. ในต่างประเทศ ให้ติดตามการเสนอข่าวของสื่อมวลชนต่างประเทศ รวมทั้งติดตามบริษัททัวร์ สายการบินต่างๆ ถึงผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นในการยกเลิกการเดินทางมายังประเทศไทย อีกทั้ง ติดตามการรายงานการดำเนินงานของฝ่ายความมั่นคง เพื่อนำข้อมูลทั้งหมดมาประเมินสถานการณ์ด้านการท่องเที่ยวและนำมาปรับแผนการดำเนินงานของ ททท. ในระยะถัดไป ซึ่งจากการรายงานของ ททท. ทุกสำนักงาน พบว่าตลาดในประเทศ ไม่เกิดผลกระทบแต่อย่างใด นักท่องเที่ยวยังคงเดินทางท่องเที่ยวเนื่องจากวันหยุดยาวในทุกภาคอย่างคึกคัก อาจมีชะลอการเดินทางในพื้นที่เกิดเหตุบ้างแต่ไม่มากนัก สำหรับตลาดต่างประเทศ ด้วยทางสื่อมวลชนได้เสนอข่าวการระเบิดในระยะแรกและได้ยุติการนำเสนอไปใน 1-2 วัน โดยเฉพาะสื่อในตลาดยุโรปและอเมริกา แต่อย่างไรก็ตามข่าวดังกล่าวก็ยังคงส่งผลกระทบในบางตลาด โดยเฉพาะตลาดระยะใกล้อย่างตลาดเอเชีย ซึ่งมักอ่อนไหวต่อเหตุการณ์ความปลอดภัย คาดว่าจนถึงสิ้นปี 2559 อาจจะมีการยกเลิกการเดินทางของนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศประมาณ 1- 2 แสนคน สูญเสียรายได้ประมาณ 5,080-10,160 ล้านบาท สำหรับแนวโน้มการจองบัตรโดยสารเครื่องบินล่วงหน้า นั้น ยังเป็นไปได้ด้วยดี โดยในวันที่ 15 สิงหาคม- วันที่ 31 ธันวาคม 2559 มีการจองเพิ่มขึ้น 2% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา ทั้งนี้ จากเหตุระเบิดทำให้เกิดผลกระทบหลายด้าน โดยเฉพาะด้านความรู้สึกของผู้ประสบเหตุ ทั้งนักท่องเที่ยวและผู้ที่อยู่ในพื้นที่ ททท.จึงต้องการรณรงค์ให้ทุกคนใส่ใจนักท่องเที่ยวและเอาใจใส่ซึ่งกันและกัน (We Care และติดริบบิ้นสีขาว-เหลือง (White-Yellow Ribbon) เพื่อแสดงถึงสัญลักษณ์ของความสงบ สันติภาพและความหวังว่าจะได้กลับมาพบกันใหม่ เปรียบเสมือนการดูแลนักท่องเที่ยวให้เกิดความประทับใจและกลับมาท่องเที่ยวประเทศไทยที่มีความสงบและสันติภาพอีกครั้ง โดย ททท. จะขอความร่วมมือจากหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนให้ร่วมกันรณรงค์ด้วยเช่นกัน หวังผลถึงระดับนานาชาติเพื่อให้นักท่องเที่ยวเดินทางได้อย่างปลอดภัยในทุกที่ทั่วโลก นอกจากนี้ ททท. ยังได้วางกลยุทธ์ทางการตลาดเพื่อสร้างรายได้ทดแทนมูลค่าที่อาจเสียไปและสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยว กล่าวคือ การเร่งประชาสัมพันธ์กิจกรรมต่างๆ ที่วางแผนดำเนินการไว้แล้วในช่วงปลายปี อาทิ กิจกรรมไทยเที่ยวไทย การรณรงค์รุ่นใหญ่เที่ยวไทย เทศกาลงานประเพณีเนื่องในวันออกพรรษา เป็นต้น อีกทั้ง การขออนุมัติจากคณะรัฐมนตรีให้มีวันหยุดยาวต่อเนื่อง โดยขอให้วันที่ 27 กันยายน 2559 ซึ่งเป็นวันท่องเที่ยวโลก (World Tourism Day) เป็นวันหยุดราชการ และขอให้วันที่ 26 กันยายน 2559 เป็นวันหยุดพิเศษ ดังนั้น จะมีวันหยุดต่อเนื่องถึง 4 วัน ซึ่งนักท่องเที่ยวชาวไทยสามารถวางแผนเดินทางท่องเที่ยวระยะไกลได้ นอกจากนี้ ททท.วางแผนในการจัดกิจกรรมใหญ่ 2 กิจกรรม เพื่อดึงนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศให้เดินทางมาร่วมงาน คือ กิจกรรมวิ่ง เล่น เต้น กิน หัวหิน เฟสติวัล ณ อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ กำหนดจัดงานในช่วงสัปดาห์แรกของเดือนกันยายน ประกอบด้วยเทศกาลดนตรีแจ๊ส เทศกาลอาหาร การวิ่งมาราธอน การปั่นจักรยาน และ กิจกรรม อลังการเมืองไทย คาดว่าจะจัดในกรุงเทพมหานคร ช่วงวันที่ 1 – 7 ตุลาคม 2559 ประกอบด้วย เทศกาลอาหารริมทาง เทศกาลอาหารถิ่น การประดับไฟฟ้า การฉายภาพบนอาคาร รวมทั้งการจัดถนนคนเดิน เป็นต้น นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรม Expat Fun Fair ซึ่งจะเป็นการจัดกิจกรรมเชิงวัฒนธรรม อาหาร สินค้าและท่องเที่ยว ให้กับชาวต่างชาติที่พำนักในประเทศไทย ได้มาร่วมงานและแสดงถึงความรักที่มีต่อประเทศไทย โดย นายยุทธศักดิ์ กล่าวว่า กิจกรรมต่างๆ ที่ ททท. ดำเนินการเพื่อกระตุ้นตลาดนี้ คาดว่า จะสามารถทดแทนรายได้ที่อาจจะสูญเสียไป และยังคงสามารถนำรายได้เข้าประเทศ 2.41 ล้านล้านบาท ตามเป้าหมายปี 2559 ที่ ททท. ตั้งไว้ได้อย่างแน่นอน