พลิกลิ้น"ไซซะนะ"เจ้าพ่อค้ายารายใหญ่ สู้คดีทุกข้อกล่าวหา ทนายความรับหนักใจโทษถึงประหาร ศาลนัดตรวจหลักฐาน 19 มิ.ย เช้า ที่ห้องเวรชี้ ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก เวลา 11.30 น.วันที่ 18 เม.ย.นี้ ศาลออกนั่งบัลลังก์เพื่อสอบคำให้การจำเลย คดีหมายเลขดำ อย.1642/2560 ที่พนักงานอัยการคดียาเสพติด 10 เป็นโจทก์ฟ้องนายไซซะนะ แก้วพิมพา ( MR.XAY SANA KEOPIMPHA) อายุ 42 ปี ชาว สปป.ลาว เจ้าพ่อค้ายาเสพติดชื่อดัง เป็นจำเลยในความผิดฐานร่วมกันสมคบ นำเข้า และมีเมทแอมเฟตามีน หรือยาบ้า ซึ่งเป็นยาเสพติดประเภท 1 จำนวน 1.2 ล้านเม็ดไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย โดยศาลได้อ่านและอธิบายคำฟ้องให้นายไซซะนะ จำเลยฟังจนเข้าใจ แล้วสอบถามว่า จะให้การรับสารภาพ หรือปฏิเสธ ปรากฏว่า นายไซซะนะ จำเลยแถลงให้การปฏิเสธ ขอต่อสู้คดีทุกข้อกล่าวหา และได้จัดเตรียมทนายความไว้แก้ต่างคดีเรียบร้อยแล้ว ศาลจึงนัดตรวจหลักฐานในคดีวันที่ 19 มิ.ย.นี้ เวลา 09.00 น. ด้านนายวรกร พงศ์ธนากุล ทนายความ กล่าวว่า จำเลยแถลงให้การปฏิเสธคำฟ้องของอัยการโจทก์ทุกข้อกล่าวหา โดยจัดคำแถลงเป็นลายลักษณ์อักษรเสนอต่อศาลพิจารณา อย่างไรก็ตามตนในฐานะทนายความ ยอมรับว่า รู้สึกหนักใจบ้างพอสมควร เพราะคดีมีโทษสูงสุดถึงประหารชีวิต แต่ก็จะสู้คดีให้ถึงที่สุด ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ศาลได้เบิกตัวนายไซซะนะ ซึ่งอยู่ในชุดต้องโทษเสื้อเปียกชุ่มด้วยน้ำเหงื่อ มีสีหน้าเรียบเฉย พร้อมขวดน้ำดื่ม จากทัณฑสถานบำบัดพิเศษกลาง สำหรับคดนี้ พนักงานอัยการโจทก์ ได้นำสำนวนมายื่นฟ้องนายไซซะนะ แก้วพิมพา ต่อศาลอาญา เมื่อวันที่ 12 เม.ย.ที่ผ่านมาเป็นจำเลย ในความผิดฐานสมคบกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และได้มีการกระทำเกี่ยวกับยาเสพติด,ร่วมกันนำเข้า ยาบ้าซึ่งเป็น ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 เพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต และร่วมกันมียาเสพย์ติดไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาตตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 4 ,7, 8 ,15, 65, 66 และ 100/1 และ พ.ร.บ.มาตรการในการปราบปรามผู้กระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ.2534 มาตรา 4-5 ,8,14 กรณีที่ จำเลยกับพวกร่วมกันทำหน้าที่จัดหายาเสพติด รถยนต์สำหรับซุกซ่อน ยาบ้า 1.2 ล้านเม็ดไว้ในช่องลับใต้หลังคาและรถยนต์นำทางในการขนลำเลียงยาเสพติด โดยมีพวกของจำเลยที่อัยการได้ยื่นฟ้องต่อศาลอาญาไว้แล้วรวม 6 คนร่วมกระทำผิดในการทำหน้าที่ขับรถยนต์ รับยาเสพติด จาก สปป ลาว เข้ามาในประเทศไทยเพื่อส่งจำหน่าย ก่อนที่จะติดต่อส่งมอบของกลางให้กับเครือข่ายทางภาคใต้ ของไทยและประเทศมาเลเซียต่อไป กระทั่งวันที่ 30 ก.ย.59 จำเลยกับพวกได้ร่วมกันนำ ยาบ้าจาก สปป ลาว ซุกซ่อนรถยนต์ผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองจ.หนองคายเข้ามาในไทย จนวันที่ 1 ต.ค. 59 ตำรวจสามารถจับเครือข่ายจำเลยพร้อมยึดยาบ้าของกลาง และขยายผลการจับกุมก่อนจะจับกุมจำเลยได้เมื่อวันที่ 19 ม.ค. 60 ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ชั้นสอบสวนจำเลยให้การรับสารภาพ เหตุเกิดที่ สปป ลาว, ด่านตรวจคนเข้าเมืองจ.หนองคาย และที่อื่นเกี่ยวพันกัน โดยท้ายคำฟ้องอัยการโจทก์ขอคัดค้านการประกัน เนื่องจากยาเสพติดของกลางมีจำนวนมาก คดีมีอัตราโทษสูงเกรงว่าจำเลยจะหลบหนี และหากจำเลยรับสารภาพต่อศาล โจทก์ประสงค์ขอสืบพยานประกอบคำรับสารภาพของจำเลยด้วย ศาลประทับรับฟ้องเป็นคดีหมายเลขดำ อย.1642 /2560 ไว้พิจารณาและเบิกตัวจำเลยมาสอบคำให้การดังกล่าว.