ทรงสร้างประโยชน์สุขสู่ปวงประชา เสกสรร สิทธาคม [email protected] สืบสานพระเมตตาและพระมหากรุณาธิคุณ ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช นับตั้งแต่ที่ได้ทรงขึ้นครองสิริราชสมบัติ ตราบจนเสด็จสวรรคตเมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2559พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชรัชกาลที่9ทรงงานหนักตรากตรำพระวรกายอย่างต่อเนื่องด้วยทรงตั้งพระราชผณิธาน เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตและสภาพความเป็นอยู่ของพสกนิกรทุกหมู่เหล่าให้ดีขึ้นในทุกด้าน ดังจะเห็นได้จากพระราชกรณียกิจด้วยพระเมตตาอันมากล้นที่ได้ประจักษ์แจ้งแก่สายตาประชาชนผ่านโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริมากมายที่พระราชทานให้ดำเนินการเป็นต้นแบบแหล่งศึกษาเรียนรู้การประกอบอาชีพการดำเนินชีวิตเพื่อนำไปประยุกต์ใช้ในพื้นที่ตัวเอง ผ่านสื่อต่างๆอย่างสม่ำเสมอ จนเกิดผลแห่งการเดินตามรอยพระยุคลบาทของราษฎรมากมายที่ได้พัฒนาคุณภาพชีวิตดีขึ้นมีความเป็นอยู่อย่างพอเพียงมีความสุขยั่งยืนด้วยการพัฒนาพื้นที่ให้อุดมสมบูรณ์จนเป็นแหล่งสร้างงานสร้างอาชีพไม่อดอยากขาดแคลนไม่แห้งแล้งอีกต่อไป ด้วยเพราะพระมหากรุณาธิคุณอันยิ่งใหญ่นี้ จึงได้ก่อให้เกิดคุณูปการอเนกอนันต์แก่ประชาชน และประเทศชาติโดยรวมและมีความหมายต่อพสกนิกรชาวไทยมากเกินกว่าจะคณานับได้ พระราชกรณียกิจ พระเมตตาและน้ำพระราชหฤทัยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชที่มีต่อแผ่นดินต่อพสกนิกรมีมากมายเกินกว่าจะคณานับได้ โดยทรงมีพระราชอัธยาศัย และพระราชจริยวัตรอันงดงาม มั่นคงในทศพิธราชธรรมตลอดระยะเวลาแห่งการครองสิริราชสมบัติ ทรงมีพระราชหฤทัยเอื้ออาทรห่วงใยผูกพันอย่างลึกซึ้งกับพสกนิกรชาวไทยทั่วประเทศ ทรงถือว่าทุกข์สุขของราษฎรประดุจดังทุกข์สุขของพระองค์เอง ทรงคิดค้นโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เพื่อช่วยเหลือพสกนิกรให้พ้นจากสภาพความฝืดเคืองแล้นแค้นขัดสนไปสู่ความพออยู่ พอกิน สมดังพระราชปณิธานที่พระราชทานเป็นพระปฐมบรมราชโองการ ในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ณ พระที่นั่งไพศาลทักษิณ พระบรมมหาราชวัง เมื่อวันที่ ๕ พฤษภาคม ๒๔๙๓ ความว่า “เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม” จากพระปฐมบรมราชโองการดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงพระราชปณิธานตั้งมั่นที่จะทรงอุทิศพระวรกาย พระราชหฤทัย แล้วได้ทรงดำเนินพระองค์สร้างประโยชน์สุขแก่ราษฎรมิคำนึงถึงความเหนื่อยยากและความสุขส่วนพระองค์ ทรงบุกน้ำลุยโคลน ทรงกรำฝนกรำแดดโดยเสด็จพระราชดำเนินไปทุกหนแห่งที่ราษฎรของพระองค์มีความทุกข์เดือดร้อนอันเกิดจากอดอยากขาดแคลนยากจนมิทรงคำนึงถึงหยาดพระเสโทที่ไหลหลั่งทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจ เพื่อให้เกิดความร่มเย็นเป็นสุขทั่วทั้งแผ่นดินไทย ไม่ว่าจะเป็นภูมิประเทศส่วนไหน ไม่ว่าจะเป็นดินแดนทุรกันดารเพียงใด ล้วนแล้วแต่เป็นสถานที่ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่9 พระผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐของปวงชนชาวไทยได้เสด็จพระราชดำเนินไปทอดพระเนตร เสด็จฯไปทรงเยี่ยมเยียนและไปทรงขจัดปัดเป่าทุกข์ราษฎรให้ผ่อนคลายมาแล้วเกือบทั้งนั้น ทรงย่างพระบาทบุกป่าฝ่าดง ทรงขึ้นเขาลงห้วย มาแล้วทั้งสิ้น การที่ทรงปฏิบัติพระองค์ได้เช่นนี้ โดยไม่ต้องมีกฎหมายหรืออำนาจใดบังคับ ก็ด้วยเหตุที่ทรงรัก ทรงห่วงใย ทรงมีพระมหากรุณาต่อราษฎรทั้งแผ่นดินเป็นที่ตั้ง โดยเฉพาะผู้ที่อยู่ชนบทห่างไกล เพื่อที่จะพระราชทานแนวทางขจัดหรือบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ราษฎรของพระองค์อย่างสม่ำเสมอ นับตั้งแต่เสด็จเถลิงถวัลยสิริราชสมบัติ เมื่อวันที่ ๙ มิถุนายน ๒๔๘๙ ต่อเนื่องมา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่9ทรงมีพระราชดำริให้มีโครงการที่เอื้ออำนวยประโยชน์สุขแก่ประชาชนมากมาย บางโครงการได้พระราชทานแนวพระราชดำริผ่านรัฐบาล ผ่านหน่วยราชการที่เกี่ยวข้อง และบางโครงการก็ทรงสัมผัสด้วยพระองค์เอง ซึ่งก็คือ “โครงการหลวง” “โครงการส่วนพระองค์” “โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ” ซึ่งมีมากกว่า ๔,๐๐๐ โครงการที่พระราชทานไว้ ด้วยทรงห่วงใยพวกเราเหล่าพสกนิกรทั้งในชนบท ในถิ่นทุรกันดาร และในกรุงเทพมหานคร รูปธรรมที่ปรากฏชัดเจนมากมาย ได้แก่ ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ทฤษฎีใหม่ หญ้าแฝก กังหันน้ำชัยพัฒนา การแก้ไขปัญหาน้ำท่วม โครงการแก้มลิง และการจัดตั้งศูนย์ศึกษาการพัฒนาอันเนื่องมาจากพระราชดำริขึ้น ๖ แห่งทุกภาคทั่วประเทศ เป็นต้น พระราชกรณียกิจด้านวรรณกรรม พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้พระราชนิพนธ์ พระราชนิพนธ์แปล และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพิมพ์เผยแพร่แก่ประชาชน ได้แก่ “พระมหาชนก” “นายอินทร์ผู้ปิดทองหลังพระ” และ “ติโต” หนังสือดังกล่าวนี้ มีคุณค่าสร้างความรู้ความคิดและขัดเกลาสติปัญญา ล้วนเป็นเรื่องราวของมหาบุรุษผู้มีคุณลักษณะพิเศษ อันควรเรียนรู้และเอาเป็นเยี่ยงอย่าง ดังเช่น พระมหาชนกเป็นผู้มีความวิริยอุตสาหะ มานะ อดทนสูง และเป็นแบบอย่างของผู้รู้จักความหมายของความเพียรอย่างแท้จริง แล้วพระองค์ได้พระราชนิพนธ์ “เรื่อง ทองแดง” ทองแดงเป็นสุนัขธรรมดาที่ไม่ธรรมดา เป็นสุนัขที่กตัญญูรู้คุณ มีสัมมาคารวะ กิริยามารยาทเรียบร้อย เจียมเนื้อ เจียมตัว รู้จักที่ต่ำที่สูง จากการทรงงานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช แสดงให้เห็นถึงพระขัตติยมานะ พระวิริยอุตสาหะ พระปรีชาสามารถอันสูงเลิศด้วยพระเมตตาคุณ พระบารมีปกเกล้าที่แผ่ไพศาลเป็นร่มโพธิ์ร่มไทรให้แก่ราษฎรนั้นเป็นที่ประจักษ์และซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณยิ่งนักว่า ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่ทรงยอมตรากตรำพระวรกายทรงงานเพื่อประชาชนมากที่สุดในโลก ด้วยความเสียสละ โดยไม่มีพระราชประสงค์สิ่งใดเป็นการตอบแทน นอกจากพระราชประสงค์ที่จะได้เห็นราษฎรในชาติพออยู่ พอกิน มีความร่มเย็นเป็นสุข สามัคคี รักใคร่ ปรองดองกันพระองค์จะไม่ทรงทอดทิ้ง ทรงช่วยแก้ไขปัญหาชีวิตความเป็นอยู่ของราษฎรให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ดังจะเห็นได้ว่า ตลอดเวลาที่ทรงครองราชย์มา พระองค์ไม่เคยทรงหยุดทรงงานเพื่อชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของพสกนิกรของพระองค์เลย พระเมตตาและพระมหากรุณาธิคุณในพระองค์ที่งดงามนี้ ได้แผ่ไพศาลไปไม่เฉพาะสู่ประชาชนชาวไทยเท่านั้น แม้แต่ในระดับสากล ชาวโลกจากทุกประเทศทั่วโลกก็ได้รับรู้และแซ่ซ้องสรรเสริญ ดังเช่นเมื่อปี ๒๕๔๙ ดังที่นายโคฟี อันนัน เลขาธิการสหประชาชาติ ได้กล่าวสดุดีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ไว้ว่า “พระองค์ทรงเอื้อมพระหัตถ์เอื้อไปยังบรรดาผู้ที่ยากจนที่สุด และเปราะบางที่สุดในสังคมไทย ทรงรับฟังปัญหาของพวกเขาเหล่านั้น และให้ความช่วยเหลือพวกเขาเหล่านั้นให้สามารถยืนหยัดดำรงชีวิตของตนเองต่อไปได้ด้วยกำลังของตัวเอง... โครงการเพื่อการพัฒนาชนบทต่างๆ ของพระองค์ยังประโยชน์ให้กับประชาชนนับเป็นล้านๆ คนทั่วทั้งสังคมไทย” พระมหากรุณาธิคุณในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่9 เป็นที่ประจักษ์ ทำให้สื่อมวลชนทั้งในและต่างประเทศทั่วโลก ต่างทราบและถวายการยกย่องเทิดพระเกียรติพระองค์ว่า “ในบรรดาพระมหากษัตริย์ที่มีอยู่ในโลกปัจจุบันนี้ ไม่มีพระองค์ใดทรงงานหนัก เพื่อประโยชน์สุข ของประชาชนเท่ากับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชอีกแล้ว” จึงนับเป็นบุญกุศลอันยิ่งใหญ่ที่ได้เกิดมาเป็นคนไทย อยู่บนผืนแผ่นดินไทย ภายใต้พระบรม โพธิสมภารองค์พระผู้ทรงดำรงอยู่ในทศพิธราชธรรม ทรงเป็นแบบอย่างที่ประเสริฐสุด วันนี้ถึงแม้ว่าพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชเสด็จสวรรคตแล้วแต่พระองค์ท่านยังสถิตย์อยู่ในใจคนไทยตราบนิรันดร์ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นหาที่สุดมิได้จึงเชิญชวนประชาชนคนไทยทั้งประเทศร่วมกันถวายสัจจะ ทำความดี ที่ไม่ทำให้ตนเองและผู้อื่นเดือดร้อน รู้รักสามัคคีและมีสติในการกระทำ เสียสละเพื่อส่วนรวม ให้เกิดประโยชน์ทั้งแก่ตนเอง ผู้อื่น ชุมชน สังคม และประเทศชาติ เป็นการสืบสานพระราชปณิธาน เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลอย่างพร้อมเพรียงกัน