ทรงสร้างประโยชน์สุขสู่ปวงประชา เสกสรร สิทธาคม [email protected]รง สืบสานพระราชปณิธาน ทำหน้าที่ด้วยสุจริตใจ รับผิดชอบ ขยัน ซื่อสัตย์ อดทน นับตั้งแต่ที่ได้ทรงขึ้นครองสิริราชสมบัติตราบเสด็จสวรรคต พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชรัชกาลที่9ทรงงานบำเพ็ญพระราชกรณียกิจเพื่อความอยู่ดีมีสุขของพสกนิกรชาวไทย ด้วยทรงถือว่าทุกข์สุขของราษฎรประดุจดังทุกข์สุขของพระองค์เอง โดยไม่ทรงเห็นแก่เหน็ดเหนื่อย ด้วยทรงตระหนักถึงความสำคัญในการทำหน้าที่ของพระมหากษัตริย์ ผู้เป็นพ่อปกครองบ้านเมืองให้ประชาชนอยู่เย็นเป็นสุขร่วมกัน นอกจากทรงทุ่มเทพระวรกายปฏิบัติพระราชกรณียกิจเพื่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตของราษฎร ผ่านผลสำเร็จอันเป็นแม่แบบแห่งการดำเนินชีวิตการประกอบอาชีพที่ทรงศึกษาค้นคว้าทดลองจนทรงมั่นพระราชหฤทัยว่าดำเนินตามวิถีดังกล่าวแล้วจะก้าวไปสู่ความสำเร็จที่เป้าหมายคือความสุขอย่างยั่งยืนด้วยวิถีแห่งความพออยู่พอกินโดยทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ดำเนินการเป็นโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริที่จัดตั้งไว้มากมายทั่วประเทศเพื่อให้ราษฎรสามารถไปศึกษาเรียนรู้ลงมือปฏิบัติแล้วนำไปประยุกต์ใช้ดำเนินชีวิตในพื้นที่ตัวเอง โดยพระราชทานหลักการดำเนินชีวิตอันได้แก่หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ที่จะเป็นกุญแจไขไปสู่การพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นมีความสุขเป็นจุดหมายปลายทางได้อย่างแน่นอน คือต้องตั้งมั่นอยู่ในความขยันหมั่นเพียร อดทน รู้จักอดออม อย่าตั้งอยู่ในความโลภ วันนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชเสด็จสวรรคตแล้วและดังที่เกริ่นวานับแต่เสด็จขึ้นครองสิริราชสมบัติยาวนานถึง 70 ปี ทรงงานอย่างหนักเพื่อประโยชน์สุขของประชาชนผ่านโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำรินับเกิน 4,000 กว่าโครงการเป็นแม่บบแห่งการดำเนินชีวิตไปสู่ความสุขความสงบร่มเย็น รวมถึงได้พระราชทานพระบรมราโชวาท พระราชดำรัสพระราชดำริให้คนไทยทุกคนได้น้อมนำเป็นเครื่องมือดำเนินชีวิตประจำวันด้วยพระราชปณิธานเพื่อประโยชน์สุขสู่ปวงประชาอย่างแท้จริง ในฐานะพสกนิกรชาวไทยที่ได้เกิดมาใต้ร่มพระบรมโพธิสมภารสมควรที่จะแสดงกตเวทิตาด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ โดยการสืบสานพระราชปณิธาน ที่ทรงเสียสละเหนื่อยยากพระวรกายเพื่อความผาสุกของราษฎร เดินตามรอยพระยุคลบาทที่ทรงปฏิบัติให้ทั้งคนไทยและคนทั้งโลกได้เห็นแล้วทรงงานหนักเหลือที่บรรยาย ด้วยความเพียรพยายามอย่างลึกล้ำ ทรงอดทนอย่างยากที่จะเทียบเทียมได้ ทรงเสียสละอย่างไม่มีใครอีกแล้วที่จะทำได้ ด้วยเพราะพระเมตตาพระมหากรุณาธิคุณที่เปี่ยมล้นในพระราชหฤทัยที่มีต่อพสกนิกรของพระองค์ วันนี้เรามารวมพลังเรียนรู้สืบสานพระราชปณิธานตามรอยพระยุคลบาท ศึกษาพระบรมราโชวาทและพระราชดำรัสในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่9อย่างลึกซึ้งจริงจังเพื่อน้อมนำไปสู่การปฏิบัติหน้าที่ของแต่ละคนอย่างดีที่สุดด้วยความสุจริตใจ มีความรับผิดชอบ มีความซื่อสัตย์ มีความขยัน มีความอดทน มีเมตตากรุณาจริงใจต่อกัน ตั้งมั่นอยู่ในความกตัญญูรู้คุณคนมีความเอื้ออาทรช่วยเหลือซึ่งกันและกันเพื่อประโยชน์ส่วนรวม โดยจะขออัญเชิญพระบรมราโชวาทมาเน้นย้ำด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างล้นพ้น พระบรมราโชวาทพระราชทานแก่ศึกษาธิการจังหวัดทั่วประเทศ เมื่อวันที่ ๑๓ ธันวาคม ๒๕๑๑ความว่า “...ถ้าทำงานด้วยความตั้งใจที่จะให้เกิดผลอันยิ่งใหญ่ คือความเป็นบึกแผ่นของประเทศชาติ ด้วยความสุจริตและด้วยความรู้ความสามารถด้วยจริงใจ ไม่นึกถึงเงินทองหรือนึกถึงผลประโยชน์ใดๆ ก็เป็นการทำหน้าที่โดยตรงและได้ทำหน้าที่โดยเต็มที่...” พระบรมราโชวาทพระราชทานในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของจุฬาลงกรณ์เมื่อวันที่ ๑๐ กรกฎาคม ๒๕๑๓ความว่า “...ความเจริญของประเทศชาติเป็นความเจริญส่วนรวม ซึ่งเกิดจากผลงานหรือผลของการกระทำของคนทั้งชาติ ถือได้ว่าทุกคนแบ่งหน้าที่กันทำประโยชน์ให้แก่ชาติ ตามความถนัดและความสามารถ และเกื้อกูลซึ่งกันและกัน ไม่มีผู้ใดจะอยู่ได้และทำงานให้แก่ประเทศชาติได้โดยลำพังตัวเอง...” พระราชดำรัสพระราชทานในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของมหาวิทยาลัยศิลปากร เมื่อวันที่ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๑๔ความว่า ”...การทำงานใหญ่ๆทุกอย่างต้องการเวลามากกว่าจะทำสำเร็จ ผู้เริ่มโครงการอาจไม่ทันทำให้สำเร็จโดยตลอดด้วยตนเองก็ได้ ต้องมีผู้อื่นรับทำต่อไป ดังนั้นไม่ควรยกเอาเรื่องใครเป็นผู้ริเริ่มงาน ใครเป็นผู้รับช่วงงานขึ้นเป็นข้อสำคัญนัก จะต้องถือผลสำเร็จที่จะเกิดจากงานเป็นใหญ่...” พระบรมราโชวาทพระราชทานในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์เมื่อวันที่ ๑๖ กรกฎาคม ๒๕๑๙ความว่า “...การทำงานให้มีประสิทธิผลและให้ดำเนินไปได้โดยราบรื่นจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องทำด้วยความรับผิดชอบอย่างสูง ไม่บิดเบือนข้อเท็จจริง ไม่บิดเบือนจุดประสงค์ที่แท้จริงของงานสำคัญที่สุดต้องเข้าใจความหมายของคำว่า รับผิดชอบให้ถูกต้อง...” พระบรมราโชวาทพระราชทานในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เมื่อวันที่ ๑๘ กรกฎาคม ๒๕๓๐ความว่า “...หลักการสำคัญประการหนึ่งที่จะส่งเสริมให้ปฏิบัติงานสำเร็จและเจริญก้าวหน้าได้แท้จริง คือ การไม่ทำตัวทำความคิดให้คับแคบ หากให้มีเมตตาและไมตรี ยินดี ประสานสัมพันธ์กับผู้อื่น โดยเฉพาะผู้ร่วมงานอย่างจริงใจ...” พระบรมราโชวาทพระราชทานในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของวิทยาลัยเทคโนโลยีและอาชีวศึกษาเมื่อวันที่ ๘ กรกฎาคม ๒๕๓๐ความว่า “...เมื่อมีโอกาสและมีงานทำ ควรเต็มใจทำโดยไม่จำเป็นต้องตั้งข้อแม้หรือเงื่อนไขอันใดไว้ให้เป็นเครื่องกีดขวาง คนที่ทำงานได้จริงๆนั้น ไม่ว่าจะจับงานสิ่งใดย่อมทำได้เสมอ ถ้ายิ่งมีความเอาใจใส่ มีความขยันซื่อสัตย์สุจริต ก็ยิ่งจะช่วยให้ประสบผลสำเร็จในงานที่ทำสูงขึ้น...” พระบรมราโชวาทพระราชทานในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เมื่อวันที่ ๑๓ กรกฎาคม ๒๕๓๓ ความว่า “...ในการปฏิบัติงานนั้นย่อมมีปัญหาต่างๆเกิดขึ้นได้เสมอ เมื่อปัญหาเกิดขึ้นต้องแก้ไข อย่าทิ้งไว้พอกพูน ลุกลานจนแก้ยาก ขอให้ทุกคนระลึกว่าปัญหาทุกอย่างมีทางแก้ไขได้ ถ้าแก้คนเดียวไม่ได้ก็ต้องช่วยกันคิด ช่วยกันแก้หลายๆคนหลายๆ ทางด้วยความร่วมมือปรองดองกัน...” พระบรมราโชวาทพระราชทานแก่คณะบุคคลเข้าเฝ้าฯ ถวายพระพร ในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา เมื่อวันที่ ๔ ธันวาคม ๒๕๓๓ ความว่า “...ต่างคนต่างมีหน้าที่ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าทำเฉพาะหน้าที่นั้น เพราะว่าถ้าคนใดทำหน้าที่เฉพาะของตัว โดยไม่มองไม่แลคนอื่น งานก็ดำเนินไปไม่ได้ เพราะเหตุว่างานทุกงานจะต้องพาดพิงกันจะต้องเกี่ยวโยงกัน ฉะนั้นแต่ละคนจะต้องมีความรู้ถึงงานของผู้อื่นแล้วช่วยกันทำ...” เราทุกคนทุกท่านมารวมจิตตั้งใจปฏิบัติหน้าที่และทำงานด้วยความสุจริตใจ รับผิดชอบ ขยัน ซื่อสัตย์ อดทน มีเมตตาและไมตรี ยินดี ประสานสัมพันธ์กับผู้อื่นบนพื้นฐานของความร่วมมือปรองดองกัน เพื่อประโยชน์สุขของประชาชน ส่วนรวมและประเทศชาติ โดยคำนึงถึงผลความสำเร็จที่จะเกิดจากงานเป็นสำคัญ รวมทั้งเพื่อเป็นพลังที่ยิ่งใหญ่ในการรักษาไว้ซึ่งความเจริญของบ้านเมือง นับเป็นการแสดงกตเวทิตาสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณสืบสานพระราชปณิธานในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช พระมหากษัตริย์ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐพระผู้ทรงเป็นที่รักยิ่งของปวงชนชาวไทยตลอดไปตราบนิรันดร์