ชสตช.- สกธ. ผนึกกำลัง บูรณาการร่วมสร้าง “สถานีตำรวจล้ำสมัย” สร้างความล้ำ 5 ด้าน 5 ประเด็น นำร่อง 3 สน.ต้นแบบ “ภาษีเจริญ-บางแก้ว-พัทยา” สนองตอบนโยบาย “ปฏิรูป ตร. –ขับเคลื่อนประเทศไทย 4.0” พร้อมรับอาเซียน ​วันที่ 24 เม.ย. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ท.ปิยะ อุทาโย ผบช.รร.นรต.กล่าวเปิดเผยว่า โรงเรียนนายร้อยตำรวจ (รร.นรต.) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ร่วมกับสำนักงานกิจการยุติธรรม (สกธ.) จัดแถลงข่าว “สถานีตำรวจล้ำสมัย” บูรณาการ “กระบวนการยุติธรรม” พร้อมขับเคลื่อนประเทศไทย 4.0 รองรับประชาคมอาเซียน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อปรับปรุงสถานีตำรวจให้มีระบบการทำงานที่ทันสมัยตามมาตรฐานสากล และเพื่อให้ประชาชนมีช่องทางในการรับบริการและเข้าถึงการให้บริการของสถานีตำรวจได้อย่างรวดเร็ว พร้อมทั้งเป็นการเพิ่มคุณภาพชีวิตการทำงานให้กับข้าราชการตำรวจที่ปฏิบัติงานสถานีตำรวจให้สามารถทำหน้าที่ในการป้องกันปราบปรามอาชญากรรม และการอำนวยความยุติธรรมให้กับประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ​นายวัลลภ นาคบัว ผู้อำนวยการสำนักงานกิจการยุติธรรม กล่าวว่า จากสภาพการณ์ในปัจจุบันพบปัญหาสำคัญในกระบวนการยุติธรรมคือระบบการทำงานที่ไม่ทันสมัย มีขั้นตอนมาก การให้บริการที่ล่าช้า กอปรกับแผนแม่บทการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติ ฉบับที่ 2 (พ.ศ.2558-2561) โดยผ่านความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 6 ม.ค.2558 ได้กำหนดให้มียุทธศาสตร์เรื่องการพัฒนาประสิทธิภาพระบบการให้บริการประชาชน ในเนื้อหาสาระได้กำหนดให้มีการปรับปรุงสถานีตำรวจให้สามารถบริการประชาชนได้อย่างสะดวก รวดเร็ว มีการนำเทคโนโลยีมาเป็นตัวช่วยหรือเครื่องมือให้แก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน เช่น การใช้ระบบ E-Filing การส่งต่อสำนวนทางอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อประชาชนสามารถเข้าถึงการให้บริการของหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรมได้สะดวก ทั่วถึงและรวดเร็วมากขึ้น โครงการ “สถานีตำรวจล้ำสมัย” จึงเกิดขึ้น โดยการทำงานร่วมกับ รร.นรต. ซึ่งบทบาทของ สกธ.ที่สำคัญคือการทำหน้าที่เป็นหน่วยงาน ขับเคลื่อนเพื่อพัฒนางานด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม​“สถานีตำรวจเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการยุติธรรม และเป็นต้นทางของงานกระบวนการยุติธรรมที่มีผลกระทบต่อประชาชนอย่างชัดเจน ดังนั้น การพัฒนากระบวนการยุติธรรมทั้งระบบให้เกิดความทันสมัย ย่อมส่งผลให้สถานีตำรวจเกิดความล้ำสมัยไปด้วย อีกทั้ง ขณะนี้ประเทศกำลังขับเคลื่อนไปสู่ Thailand 4.0 ซึ่งจะเน้นการขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศ ฉะนั้น งานด้านกระบวนการยุติธรรมจึงมีส่วนขับเคลื่อนประเทศและพร้อมก้าวเดินไปในทิศทางเดียวกัน และเป้าหมายสำคัญอีกประการหนึ่งของสถานีตำรวจล้ำสมัยคือการพัฒนาการดำเนินงานในการให้บริการประชาชนด้านการรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน การป้องกันปราบปรามอาชญากรรมได้อย่างมีประสิทธิภาพ ที่ส่งผลให้สังคมเกิดความปลอดภัย กระบวนการยุติธรรมมีความน่าเชื่อถือ สร้างความเชื่อมั่นต่อภาพรวม ทำให้นักลงทุนทั้งในและต่างประเทศเกิดความมั่นใจในการลงทุนมากยิ่งขึ้น ประเทศไทยก็จะขยายตัวในภาคเศรษฐกิจสามารถรองรับประชาคมอาเซียนได้” นายวัลลภฯ กล่าว ​ พล.ต.ท.ปิยะ กล่าวอีกว่าสถานีตำรวจเป็นหน่วยบริการที่มีความสำคัญสูงสุดในการให้บริการประชาชนโดยตรง และถือเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญในกระบวนการยุติธรรม ในการพัฒนาสถานีตำรวจให้มีประสิทธิภาพ จึงจำเป็นต้องบูรณาการร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชน โดย รร.นรต. ซึ่งได้รับมอบหมายจาก สตช.ให้มีบทบาทในการกำหนดแนวทาง การพัฒนาสถานีตำรวจให้ล้ำสมัยใน 5 ด้าน คือ 1)โครงสร้างอาคาร สถานที่และสภาพแวดล้อม 2)อุปกรณ์ เครื่องมือ เครื่องใช้และครุภัณฑ์ต่างๆ 3)เทคโนโลยีและสารสนเทศ 4)พัฒนาระบบการบริหารงาน ด้านการรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ด้านการอำนวยความยุติธรรมทางอาญา ด้านการควบคุมการจัดการจราจรและงานอำนวยการ และ5)ด้านบุคลากร พล.ต.ท.ปิยะ กล่าวอีกว่า ​ เมื่อพัฒนาสู่การเป็นสถานีตำรวจล้ำสมัยแล้ว จะมีความล้ำสมัยใน 5 ประเด็น ดังนี้ 1.แนวคิดเกี่ยวกับการออกแบบสถานีตำรวจเพื่อป้องกันปราบปรามอาชญากรรมและสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน ทั้งช่องทางการให้บริการ การจัดพื้นที่พักสำหรับประชาชน การจัดห้องซักถามแยกเป็นการเฉพาะ การออกแบบอาคารและจุดบริการให้โดดเด่น 2.การพัฒนาอุปกรณ์ เครื่องมือและเทคโนโลยีในการปฏิบัติงาน 3.การพัฒนาระบบข้อมูลสารสนเทศอาชญากรรม ข้อมูลคดี และการเชื่อมโยงศูนย์แลกเปลี่ยนข้อมูลกระบวนการยุติธรรมต้นแบบ (Data Exchange Center) 4.งบประมาณ วัสดุอุปกรณ์ การเงินและค่าตอบแทน ให้ภาคประชาชนในพื้นที่ชุมชนเป็นหุ้นส่วน เพื่อการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมในพื้นที่รับผิดชอบ มีการกำหนดระบบความก้าวหน้าในอาชีพ และ 5.การพัฒนาโครงสร้างการบริหาร และระบบการบริหารงานบุคคล โดยมีการจัดตั้งคณะกรรมการพัฒนาระบบงานตำรวจระดับสถานีตำรวจ ระดับจังหวัด และระดับภูมิภาค ​“การพัฒนาทั้ง 5 ด้าน 5 ประเด็น มีความสอดคล้องกับเป้าหมายการปฏิรูปตำรวจที่มุ่งสู่การเป็นองค์กรบังคับใช้กฎหมายที่ยุติธรรม ประชาชนเชื่อมั่นศรัทธาและมีมาตรฐานสากล อีกทั้ง การดำเนินการตามโครงการ “สถานีตำรวจล้ำสมัย” จะช่วยขับเคลื่อนและพัฒนาประเทศไทย 4.0 และสามารถรองรับการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน เมื่อ หน้าด่านแรกของกระบวนการยุติธรรมคือสถานีตำรวจที่จะอำนวยความยุติธรรมให้กับพี่น้องประชาชนคนไทยและกลุ่มประเทศอาเซียนที่หลั่งไหลเข้ามาจำนวนมาก ทั้งการเคลื่อนย้ายแรงงาน นักท่องเที่ยว นักลงทุน การให้บริการที่มีมาตรฐานสากล มีเทคโนโลยีสารสนเทศที่ทันสมัย สามารถตรวจสอบและเชื่อมโยงข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว ยุติธรรม ซึ่งจะสร้างความเชื่อมั่นให้กับประเทศไทยได้อย่างมั่นคง” พล.ต.ท.ปิยะฯ กล่าว พ.ต.อ.สุพีรณัฐ สัตตธนชัยภัทร รองผู้บังคับการตำรวจนครบาล 9 รักษาราชการแทนผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลภาษีเจริญ กล่าวว่า สน.ภาษีเจริญ เป็นต้นแบบสถานีตำรวจล้ำสมัย ในบริบทชุมชนเมือง มีคนไหลผ่าน เข้ามาในพื้นที่จำนวนมาก ดังนั้น เป็นช่วงของชุมชนเดิมเปลี่ยนเข้าสู่ชุมชนสมัยใหม่ เป็นที่พักอาศัยของคนรุ่นใหม่ มีการคมนาคม รถไฟฟ้า มหาวิทยาลัย ดังนั้น การมีเทคโนโลยีเข้ามารองรับ จึงน่าจะตอบโจทย์การเปลี่ยนแปลงได้เป็นอย่างดี โดยรูปธรรมของความล้ำสมัยตามหลักการขับเคลื่อนไทยแลนด์ 4.0 จะเน้นเทคโนโลยี สารสนเทศ เพราะปัจจุบันเราอยู่ในสังคม Smart Enterprises ประชาชนส่วนใหญ่จะใช้สมาร์ทโฟน ดังนั้น ตำรวจในฐานะผู้ปฏิบัติก็ต้องปรับให้ทันต่อสถานการณ์ เช่น การพัฒนาแอพพลิเคชั่นสำหรับแจ้งเหตุผ่านทางแอพบนสมาร์ทโฟน ชื่อว่า Police i lert u ขึ้น ซึ่งจะทำให้สามารถแจ้งเหตุร้ายถึงตำรวจได้เร็วขึ้น และได้ข้อมูลครบถ้วน ซึ่งจะมีแผนที่แจ้งเหตุระบบ GPS ว่าผู้แจ้งอยู่ในพื้นที่จุดไหน พร้อมทั้งมีเบอร์โทรศัพท์ขึ้นมา เราก็สามารถโทรหาได้เลย เป็นการช่วยเหลือแบบทันทีทันใดประหยัดทั้งเวลาและค่าใช้จ่าย เมื่อเกิดเหตุก็สามารถแจ้งได้ทันทีคล้ายกับไลน์ ขณะนี้ มีผู้เข้ามาใช้ประมาณ 100,000 คน หรือตำรวจ สายตรวจเองก็ต้องล้ำสมัย ต้องมีอุปกรณ์ที่พร้อม ทั้งกล้องติดหมวก วิทยุสื่อสาร กระบองกัทส์บาตอง กรณีมีเหตุหนักอย่างสมัยก่อนจากมือเปล่าก็ใช้อาวุธปืนเลย แต่ตอนนี้มีกระบองกัทส์บาตองช่วยระงับเหตุเป็นอาวุธที่สากลล้ำสมัยมากขึ้น ลดการปะทะระหว่างผู้กระทำผิดและตำรวจผู้ปฏิบัติหน้าที่ ​ “สถานีตำรวจล้ำสมัยจะเน้นการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วย ซึ่งทำให้ตำรวจหนึ่งคน สามารถทำงานได้มากกว่าเดิม เพราะเทคโนโลยีไม่โกหก สามารถช่วยได้ทั้งคดีทางอาญา การสืบสวนสอบสวน การจราจร เพียงใช้บัตรประชาชนอย่างเดียวนำไปบันทึกเข้าสู่ระบบทั้งหมด ซึ่งสามารถดูได้ตามชั้นความลับ หลักสำคัญของสถานีล้ำสมัยคือการใช้เทคโนโลยีและการก้าวเข้าสู่ไทยแลนด์ 4.0 จะต้องสร้างความพึงพอใจให้ประชาชน สร้างความเชื่อมั่น ตามกรอบของกฎหมาย” ​พ.ต.อ.วิชิต บุญชินวุฒิกุล ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรบางแก้ว กล่าวว่า สภ.บางแก้ว เป็นสถานีตำรวจ ล้ำสมัยในบริษัทพื้นที่อุตสาหกรรม การค้า การลงทุน โดยเทคโนโลยีพัฒนาไปก้าวไกล การทำงานของตำรวจยิ่งยากขึ้น จึงต้องปรับตัวเพื่อตอบสนองประชาชนในพื้นที่ ทั้งเชิงความรู้ เทคโนโลยี และยุทธวิธี โดยพื้นที่บางนาเป็นประตูเข้าออกของกรุงเทพ รถทุกคันที่ผ่านก็จะผ่านกล้องวงจรปิดเชื่อมโยงมาสู่ห้องคอนโทรลรูม ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่คอยดูแลสถานการณ์ และยังได้ออกแบบให้รองรับการดึงภาพจากท้องถิ่น โดยสามารถที่จะเชื่อมต่อระบบเครือข่าย IP Address มายังห้องคอนโทรลรูมได้ เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการพิสูจน์การกระทำผิดได้อย่างรวดเร็วหรือการเพิ่มเขี้ยวเล็บทางยุทธวิธีในสถานการณ์ที่จำเป็นในการควบคุม สั่งการ ในที่เกิดเหตุก็จะมีเครื่องมือ อุปกรณ์พิเศษเข้ามาช่วยในการทำงาน เช่น กล้องสอดแนม โดรน เป็นต้น ​“การที่สถานีตำรวจไม่สามารถตอบโจทย์ประชาชนได้ ส่วนหนึ่งคือความไม่พร้อมของผู้ปฏิบัติ ขีดความสามารถ บุคลากร เครื่องมือ อุปกรณ์ แต่เมื่อเป็นต้นแบบสถานีตำรวจล้ำสมัยแล้ว ในฐานะมดงานที่แตะสัมผัสกับประชาชนโดยตรง เมื่อมีความพร้อมในองค์ความรู้ เครื่องมือ สถานที่ ขวัญกำลังใจ การทำหน้าที่ก็ต้องมีประสิทธิภาพมากขึ้นกว่าเดิมอย่างแน่นอน โดยตัวชี้วัดสำคัญคือความพึงพอใจของประชาชน ซึ่งต้องมีความพร้อมและมีมาตรฐานมากขึ้น สามารถรองรับประชาคมอาเซียนได้ด้วย ​พ.ต.อ.อภิชัย กรอบเพชร ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองพัทยา กล่าวว่า สภ.เมืองพัทยา อยู่ในบริบทเมืองท่องเที่ยว เป็นแหล่งท่องเที่ยวทันสมัยติดอันดับโลกมาอย่างยาวนาน มีนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกที่เดินทางมาท่องเที่ยวกว่าเจ็ดล้านคนต่อปี มีความหลากหลายของเชื้อชาติ ศาสนา และวัฒนธรรม การพัฒนาความเจริญเติบโตของเมืองมาอย่างต่อเนื่อง สร้างรายได้ให้กับประเทศมหาศาล กว่าหกหมื่นล้านบาทต่อปี ทำให้ปัญหาด้านต่างๆ และปัญหาอาชญากรรมเพิ่มเป็นเงาตามตัว ​ “สภ.เมืองพัทยา เป็นมืออาชีพในการดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของเมืองที่มีชื่อเสียงด้านการท่องเที่ยวในระดับโลก จึงต้องมีระบบการทำงานที่ทันสมัย ตามมาตรฐานสากล รองรับการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ข้าราชการตำรวจในสังกัดสามารถปฏิบัติหน้าที่ในการป้องกันปราบปรามอาชญากรรม และให้บริการกับประชาชนและนักท่องเที่ยวได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ทั้งบุคลากรและเทคโนโลยี งบประมาณ โครงการสถานีตำรวจล้ำสมัยฯ สามารถตอบโจทย์การทำงานของเราได้ จึงตัดสินใจที่จะเข้าร่วมพัฒนาเป็นต้นแบบ “สถานีตำรวจล้ำสมัย”