งัดมาตรการหยุดเลือด! ลดรายจ่ายไม่จำเป็น เจรจาธนาคารเปลี่ยนสัญญาเงินกู้หวังลดดอกเบี้ย ดร.พิษณุ ตุลสุข รองปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ในฐานะเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) เปิดเผยว่า ตามที่ได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติหน้าที่ ผอ.องค์การค้าของ สกสค. ในช่วงเวลา 2 เดือนมานี้ ทำให้เห็นปัญหาที่ทำให้หนักใจมากว่าทำไมองค์การค้าฯถึงประสบกับสภาวะขาดทุน ขาดสภาพคล่อง จึงต้องหาทางเข้าไปฟื้นฟู โดยอันดับแรกต้องอุดรูรั่ว ซึ่งได้เริ่มดำเนินการบ้างแล้ว เช่นเมื่อเร็ว ๆ นี้ได้ตรวจสอบพบว่าพนักของบริษัทที่เข้ามารับจ้างทำความสะอาดภายในองค์การค้าฯ มีการขอเลิกค่าล่วงเวลา หรือโอทีจากองค์การค้าฯ แทนเบิกจากบริษัทตัวเอง ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาว่าเป็นเบิกจ่ายโอทีที่ไม่ชอบหรือไม่ รวมถึงการเบิกคนล่วงเวลาของพนักงานองค์การค้าฯ ด้วย นอกจากนี้ ยังมีมาตรการลดรายจ่ายที่ไม่จำเป็น แต่ที่ตนมีความกังวลมากที่สุด คือ ในอดีตตั้งแต่ปี 2538 เป็นต้นมา มีการซื้อตั๋วสัญญาใช้เงินกับทางธนาคาร4แห่ง เป็นเงินกว่า1,000 ล้านบาท เพื่อมาใช้บริหารจัดการภายใน โดยขณะนี้อยู่ระหว่างเจรจากับธนาคารเพื่อขอเปลี่ยนจากตั๋วสัญญาใช้เงิน มาเป็นสัญญาเงินกู้ระยะยาว ซึ่งจะลดดอกเบี้ยลงได้ไม่น้อยกว่าร้อยละ 4 จากปัจจุบันที่ต้องเสียดอกเบี้ยประมาณร้อยละ 6-8 ดร.พิษณุ กล่าวต่อไปว่า องค์การค้าฯ ต้องจ่ายดอกเบี้ยตั๋วสัญญาใช้เงินให้กับธนาคาร 4 แห่ง ประมาณเดือนละ 11 ล้านบาท หากธนาคารยอมเปลี่ยนมาเป็นสัญญาเงินกู้ระยะยาว ก็จะสามารถลดดอกเบี้ยลงได้ไม่น้อยกว่าครึ่งหนึ่งที่จะต้องจ่ายในปัจจุบัน โดยขณะนี้ธนาคารกำลังพิจารณาข้อเสนอ ซึ่งคาดว่าจะได้คำตอบในเดือน พ.ค.นี้ และเท่าที่ดูมีแนวโน้มไปในทางที่ดี แต่หากธนาคารไม่เปลี่ยนสัญญา องค์การค้าฯ ก็เตรียมที่จะเจรจาหาแหล่งเงินกู้จากทางธนาคารอื่น เพื่อให้ดอกเบี้ยลดลง มิฉะนั้นจะขาดสภาพคล่องสะสมไปเรื่อย ๆ และจะอยู่กันลำบาก "ส่วนกรณีที่ศาลฎีกามีคำสั่งให้องค์การค้าฯ จ่ายเงินค้างจ่ายพร้อมดอกเบี้ยให้แก่พนักงาน 2,441 คน ซึ่งรวมทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยแล้วเป็นจำนวนกว่า 1,200 ล้านบาทนั้น ผมไม่ได้นิ่งนอนใจ โดยขณะนี้อยู่ระหว่างเจรจากับสถาบันการเงิน เพื่อขอกู้เงินมาจ่ายให้กับพนักงาน แต่ต้องเสนอให้บอร์ด สกสค.พิจารณาว่าจะใช้หลักทรัพย์ใดมาค้ำประกัน ส่วนหลักทรัพย์ที่ใช้ในการค้ำประกันจะเป็นอะไรนั้น คงไม่สามารถเปิดเผยได้ เพราะอยู่ในขั้นตอนของการหารือ จึงอยากให้ทุกคนสบายใจว่าจะได้เงินคืนแน่นอน" ดร.พิษณุ กล่าว