"ขสมก."แจง ศาลปกครอง ยกเลิกสัญญา NGV เหตุกลัวได้ไม่ครบตามสัญญา 489 คัน ด้านเบสท์รินโต้ส่งมอบทีละล๊อตก็ได้ เมื่อเวลา 13.30 น.วันที่ 26 เม.ย.60 ที่ศาลปกครองกลาง ได้นัดไต่สวน ในคดีหมายเลขดำที่ 502/2560 ระหว่างบริษัท เบสท์ริน กรุ๊ป ผู้ฟ้องคดี กับ องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ผู้ถูกฟ้องคดีกรณีขสมก.ไม่ดำเนินการตรวจรับรถโดยสารปรับอากาศช้เชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติ (เอ็นจีวี) จำนวน 390 คัน จากบริษัท เบสท์ริน กรุ๊ป โดยมีนายสุชาติ ศรีวรกร ตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครองกลางนั่งทำหน้าที่เป็นประธานในห้องไต่สวน สำหรับตัวแทนผู้ชี้แจงจาก ขสมก.ได้แก่นาย สมศักดิ์ ห่มม่วงรักษาการ ผอ.ขสมก. นายนายประยูร ช่วยแก้ว รองผู้อำนวยการฝ่ายการเดินรถองค์การ ขสมก และนายสมควร นาสนม ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายการเดินรถองค์การ ขสมก. โดยนายสมศักดิ์ได้ชี้แจงว่าทาง ขสมก.ทาง ขสมก.ได้ดำเนินการตรวจรับรถตามสัญญาอย่างเคร่งครัดตามที่ศาลปกครองได้มีคำสั่งเมื่อวันที่ 31 มี.ค.ที่ผ่านมาและจากการตรวจรับก็พบว่าไม่สามารถดำเนินการตรวจรับได้จึงต้องยกเลิกสัญญา และทาง ขสมก.ก็ได้ส่งเอกสารผ่านทางอีเอ็มเอสไปยับบอร์ดบริษัทเบสท์รินเมื่อวันที่ 12 เม.ย.และหลังจากนั้นก็ไปแจ้งทางกรมขนส่งทางบกไปด้วยว่าได้ยกเลิกสัญญาแล้ว หลังจากนั้นในวันที่ 19 เม.ย. ในที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ตนก็ได้รายงานไปยังนายกรัฐมนตรีด้วยว่าได้ยกเลิกไปแล้ว และทางที่ประชุมก็ได้เห็นชอบให้ทาง ขสมก.ไปหารถโดยสารมาใหม่ภายในวันที่ 30 เม.ย. นายสมศักดิ์กล่าวว่าสาเหตุของการยกเลิกสัญญานั้นมาจากกรณีที่ ขสมก.ได้รับคำสั่งให้ไปตรวจรถในวันที่ 31 มี.ค. ทางขสมก.ก็ได้ดำเนินการตามคำสั่ง โดยเอาผู้ที่เกี่ยวข้องจำนวนประมาณ 40 คน ไปตรวจรถในวันที่ 7 เม.ย. ซึ่งขั้นตอนการตรวจรับรถนั้นจะเป็นเรื่องเทคนิคและต่อมาในวันที่ 10 เม.ย.ก็มีการตรวจเอกสาร ทั้งนี้ทางคณะกรรมการของทาง ขสมก.ก็มีความเห็นว่าควรจะเอาใบสั่งซื้ออะไหล่จากประเทศจีนที่ซื้อตัวรถแล้วมาประกอบที่ประเทศมาเลเซียเอามาให้กับทาง ขสมก.ได้ดู เพื่อจะได้ดูว่าเป็นการสั่งซื้ออะไหล่จริงหรือไม่ แต่อย่างไรก็ตามทางบริษัทก็อ้างว่าส่งให้ไม่ได้เพราะ 1 เป็นความลับ 2. ทางบริษัทเบสท์รินไม่ได้สั่งซื้อแต่เป็นทางบริษัทซุปเปอร์ซาร่าเป็นผู้สั่งซื้อ ซึ่งทางเบสท์รินจะเป็นผู้ประสานขอไปให้ ซึ่งทางขสมก.ได้ย้ำไปว่าหากยังไม่มีเอกสารสั่งซื้อตรงนี้ การตรวจรับก็จะใช้เวลานานมากเพราะจะต้องแยกชิ้นส่วนไปทีละชั้นเพื่อดูว่าที่มาของอะไหล่นั้นมาจากไหน นายสมศักดิ์กล่าวต่อว่านอกจากนี้ยัง ขสมก.ได้ตรวจสอบทราบว่ายังมีเรื่องของการฟ้องร้องกับบริษัทเบสท์รินและทาง กรมศุลกากรอีก ซึ่งถ้าหาก ขสมก.ได้จ่ายเงินซื้อรถไปแล้วแต่ทางกรมศุลกากรชนะคดีก็จะต้องมีการเรียกรถคืนก็จะถามว่าจะทำอย่างไรดี และถ้าหาก ขสมก.จ่ายเงินซื้อรถไปแต่ได้รถไม่ครบจำนวนตามสัญญา 489คัน ก็จะเกิดปัญหาขึ้นได้ เพราะผู้ประมูลรายอื่นอาจจะตามมาฟ้องร้องในภายหลัง ดังนั้นเมื่อพิจารณาจากปัจจัยเหล่านี้แล้วทาง ขสมก.จึงเห็นว่าควรจะยกเลิกสัญญา ผู้สื่อข่าวรายงานว่าภายหลังจากการชี้แจงกว่า 3 ชั่วโมง นายสินติ ปิยะทัต ทนายความจากบริษัทเบสท์ริน ได้ให้สัมภาษณ์กับผุ้สื่อข่าวว่า การชี้แจงต่อศาลปกครองกลางเพิ่มเติมในวันนี้ เป็นผลจากขสมก.ยื่นอุทธรณ์คำสั่งของศาลปกครองชั้นต้น ที่สั่งให้ตรวจรับรถ ซึ่งทางเบสท์รินได้ชี้แจงต่อศาล ยืนยันว่า ไม่ได้ผิดสัญญาพร้อมส่งมอบรถเมล์เอ็นจีวี 292 คัน ที่ได้ จดทะเบียนกับกระบวนการทางบก ให้กับขสมก.และอีก 98 คันก็ รอหนังสือมอบอำนาจจาก ขสมก.ให้ดำเนินการเท่านั้น ส่วนประเด็นในสัญญาระบุว่าต้องส่งมอบได้ครบ 489 คัน ยืนยันว่า แม้สัญญาจะระบุ แต่ขสมก.ได้มีการประชุมร่วมกันภายหลัง มีข้อตกลงให้ส่งมอบเป็นล็อตได้ ตั้งแต่ต้นเดือน ถึงปลายเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งมีเอกสารยืนยัน จึงจะมาใช้เงื่อนไขการไม่ส่งมอบรถให้ครบตามสัญญาแล้วมายกเลือกสัญญาไม่ได้ เพราะหากจะยกเลิกต้องยกเลิกตั้งแต่ 30 ธ.ค.59 ที่เป็นวันส่งมอบรถล๊อตแรก และขสมก.ดำเนินการตามขั้นตอนหลังส่งมอบมาโดยตลอด ทั้งมอบอำนาจให้ไปจดทะเบียน ทั้งการนำรถไปทดลองให้บริการประชาชน