"มีชัย"จี้ฝ่ายออกกม.ปฏิรูปสื่อ ควรอธิบายความจำเป็นเรื่องใบอนุญาต แนะสื่อ เสนอวิธีการดูแลกันเอง หากไม่เอาสภาวิชาชีพ เมื่อเวลา 13.45 น. นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.)กล่าวถึงกรณีที่กรรมาธิ การ (กมธ.) ขับเคลื่อนการปฏิรูปสื่ อสารมวลชน สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.)ได้ผลักดัน ร่างพ.ร.บ.การคุ้มครองสิทธิเสรี ภาพ ส่งเสริมจริยธรรมและมาตรฐานวิ ชาชีพสื่อมวลชน โดยมีเนื้อหาว่าให้สภาวิชาชีพสื่ อสารมวลชนสามารถออกใบประกอบวิ ชาชีพสื่อสารมวลชนว่าทางผู้ที่ ผลักดันกฎหมายจะต้องอธิบายให้ ได้ว่าทำไมถึงต้องมีการออกใบอนุ ญาต ทั้งนี้ตนไม่คิดว่าจะเป็ นการครอบงำสื่อเพราะว่ าในประเทศไทยก็มีใบอนุญาตตั้ งมากมาย ซึ่งเหตุผลของการมีใบอนุญาตก็ เพื่อดูว่าจะการปฏิบัติหน้าที่ ถูกต้องตามหลักวิชาชีพหรือไม่ แต่อย่างไรก็ตาม ก็ไม่ได้มีการมาตรวจสอบการทำหน้ าที่ของผู้ประกอบอาชีพนั้ นโดยตลอด แค่มาตรวจสอบอีกทีหนึ่งตอนที่ ผู้ประกอบวิชาชีพเขามาต่อใบอนุ ญาต ส่วนต้นสังกัดอยู่ที่ไหน เป็นอย่างไร ก็ไม่มีใครไปดูไปตรวจสอบ ดังนั้นในรัฐธรรมนูญจึงเขียนว่ าถ้าไม่จำเป็นก็ไม่ควรมีใบอนุ ญาต เมื่อถามว่าคิดว่าอาชีพสื่ อสารมวลชนควรมีใบอนุญาตหรือไม่ นายมีชัยกล่าวว่าตนตอบไม่ได้ เพราะยังไม่เห็นรายละเอียดของร่ างกฎหมาย แค่พูดตามหลักการเท่านั้น ตนเห็นว่าสื่อสารมวลชนก็มีสมาคม ดังนั้นสื่อมวลชนก็ควรรวมตัวกั นเพื่อชี้แจงเหตุผลว่าทำไมถึ งไม่ควรมีใบอนุญาต นายมีชัยกล่าวต่อถึงองค์ ประกอบของกรรมการในสภาวิชาชีพสื่ อมวลชนแห่งชาติว่าตนคิดว่าการ ให้มีสัดส่วนจากภาครัฐแค่ 2 คน คือปลัดกระทรวงวัฒนธรรม และปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี จากจำนวนกรรมการทั้งหมด 15 คนนั้นคงไม่ใช่เรื่องที่น่ากั งวลอะไรสำหรับสื่อมวลชน เพราะตัวแทนของภาครัฐถือว่าเป็ นเสียงข้างน้อยในสภาวิชาชีพสื่ อสารมวลชน ถ้าหากสื่อจับมือรวมเสียงกันก็ คงโหวตชนะอยู่แล้ว เพราะเมื่อขึ้นชื่อว่าสภาวิชาชี พก็คงจะต้องมีคนของรัฐเข้ามาอยู่ ด้วยเพื่อจะไม่ให้คนในวิชาชีพกี ดกันกันเอง ไม่ออกใบอนุญาตให้กับผู้ ประกอบอาชีพรุ่นน้อง แต่อย่างไรก็ตามก็ต้องมาดูว่ามี ความจำเป็นหรือไม่ที่จะต้องมี สภาวิชาชีพขึ้นมา ถ้าหากคิดว่าไม่ควรมีสื่ อมวลชนก็ต้องมาหาเหตุผลโต้แย้ง ตนเห็นว่าถ้าสื่อมวลชนไม่เห็ นด้วยก็ควรจะเสนอแนวทางของสื่ อที่จะกำกับดูแลกันเอง โดยที่คนนอกไม่ต้องเข้ามายุ่ งเกี่ยว