เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 28 เม.ย. ที่กองปราบปราม พล.ต.ต.ชวลิต แสวงพืชน์ รองผบช.ก. พล.ต.ต.สุทิน ทรัพย์พ่วง ผบก.ป. พ.ต.อ.ชาคริต สวัสดี รองผบก.ป. พ.ต.อ.อรุณ วชิรศรีสุกัญยา ผกก. 2บก.ป. พ.ต.อ.นิรันดร์ ปิตะกาศ ผกก.3บก.ป. พ.ต.ท.อนุชา ธนะอุดม .พ.ต.ท.ธีรพัฒน์ ธารีไทย รอง ผกก.3 บก.ป. และเจ้าหน้าที่ตำรวจกก.2บก.ป. และกก.3บก.ป. ร่วมกันแถลงข่าวผลการจับกุม นางนนท์นรัตน์ มุลิจันทร์ อายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 702/104 ถ.พิชัยรณรงค์สงคราม ต.ปากเพรียว อ.เมืองสระบุรี จ.สระบุรี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา 1005 /2560 ลงวันที่ 24 เม.ย. 2560 ในฐานความผิดร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ,น.ส.ปุญญ์ธนันท์ มุลิจันทร์ อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 35 หมู่ที่ 2 ต.โคกกลาง อ.เพ็ญ จ.อุดรธานี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา 1013 /2560 ลงวันที่ 25 เม.ย. 2560 ในฐานความผิดร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และ น.ส.ฐิติยรัชต์ บุญมีประเสริฐ อายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 247 หมู่ที่ 1 ต.เชียงยืน อ.เมือง จ.อุดรธานี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา 1014 /2560 ลงวันที่ 25 เม.ย. 2560 ในฐานความผิดร่วมกันฉ้อโกงประชาชน พล.ต.ต.สุทิน กล่าวว่า สืบเนื่องจากวันที่ 18 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ได้มีผู้เสียหายรวม 14 คนเดินทางเข้าร้องทุกข์กับทางพนักงานสอบสวนกองปราบปราม เพื่อให้ดำเนินคดีกับทางบริษัท ปาลิตต้า เพียว อินเตอร์ คอสเมติก จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายด้านเวชสำอางค์ จำหน่าย แก่ประชาชน หลังร่วมกันหลอกลวงให้เข้าร่วมลงทุนกับบริษัทดังกล่าว โดยให้ผู้เสียหายที่มาร่วมลงทุนกับบริษัทและจะได้ผลตอบแทนในอัตราร้อยละ 10 ต่อเดือน ทำให้มีผู้เสียหายหลงเชื่อนำเงินมาร่วมลงทุนเป็นจำนวนมา แต่เมื่อครบกำหนดกลับไม่ได้รับเงิน โดยเหตุเกิดในหลายท้องที่ ในจังหวัดชลบุรี จังหวัดสุพรรณบุรี จังหวัดนนทบุรี ในห้วงเดือนพฤษภาคมปี 2558 และเดือนกุมภาพันธ์ 2560 ซึ่งมูลค่าความเสียหายกว่า 82,337,108 ล้านบาท ต่อมาตำรวจกองปราบปรามได้รวบรวมพยานหลักฐานก่อนขออำนาจศาลอาญาออกหมายจับ โดยคดีนี้มีผู้ร่วมกระทำความผิด จำนวน 5 ราย ประกอบไปด้วย นายสราวุธ ชัยฤทธินาถ อายุ 38 ปี นางนนท์นรัตน์ มุลิจันทร์ อายุ 38 ปี,น.ส.ปุญญ์ธนันท์ มุลิจันทร์ อายุ 30 ปี และ น.ส.ฐิติยรัชต์ บุญมีประเสริฐ อายุ 38 ปี และนายสุริโย มุลิจันทร์ อายุ 30ปี ในฐานความผิดร่วมกันฉ้อโกง โดยเมื่อวันที่ 25 เม.ย.ที่ผ่านมา ได้จับกุมนายสราวุธ ได้ที่ย่านบึงกุ่ม ก่อนที่จะจับกุมผู้ต้องทั้งสามรายได้ที่จังหวัดภูเก็ต อย่างไรก็ตามในส่วนของนายสุริโยได้หลบหนี ซึ่งอยู่ระหว่างการติดตาม นางนนท์นรัตน์ กล่าวว่า ตนและพวก ได้ร่วมกันเปิดบริษัททำแบรนด์เครื่องสำอาง ซึ่งการลงทุนต้องใช้เงินเป็นจำนวนมากเพื่อโฆษณาและทำการตลาด ในช่วงแรกได้ไปขอกู้สินเชื่อธนาคาร แต่ปรากฏว่าติดปัญหาทำให้ไม่สามารถกู้ยืมได้ กระทั่งตนในฐานะผู้บริหารต้องหาเงินลงทุนจึงเกิดความคิดในการนำเงินมาลงทุน โดยการระดมทุนจากเหล่าสมาชิกและตัวแทนจำหน่าย โดยระยะแรกได้มีการแบ่งกำไรให้กับตัวแทนจำหน่าย แต่ระยะหลังติดปัญหาเนื่องจากตัวแทนจำหน่ายเน้นแต่การลงทุนเงินเพื่อหวังเงินปันผล ไม่ได้เน้นการขายสินค้าจนเกิดภาวะขาดทุน และยอดขายตก ซึ่งเปิดบริษัทมา 2 ปี แต่ช่วง 7-8 เดือนหลังยอดตก ทั้งนี้ขอโทษตัวแทนและลูกค้าด้วยที่เกิดปัญหาขึ้นเนื่องจาก ไม่มีประสบการณ์ในการทำธุรกิจ แต่สาเหตุที่ต้องหลบหนีเพราะถูกข่มข่มจากผู้ลงทุน จึงไม่มั่นใจในความปลอดภัย เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ก่อนนำตัวดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป