ซีพีเอฟ เดินหน้าขับเคลื่อนกลยุทธ์ CSR สู่ความยั่งยืน ภายใต้ 3 เสาหลัก “อาหารมั่นคง สังคมพึ่งตน ดินน้ำป่าคงอยู่” ที่สอดคล้องไปกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ (Sustainable Development Goals (SDGs) พร้อมกำหนดเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ระหว่างปี 2559 – 2563 จำนวน 11 เป้าประสงค์ เพื่อรองรับความเปลี่ยนแปลงตามกระแสโลก ความท้าทายในการดำเนินธุรกิจ ตลอดจนความคาดหวังที่สูงขึ้นของผู้มีส่วนได้เสีย เพื่อการเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน นายวุฒิชัย สิทธิปรีดานันท์ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ด้านความรับผิดชอบต่อสังคมและการพัฒนาอย่างยั่งยืน บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ กล่าวว่า ซีพีเอฟในฐานะผู้นำด้านธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมและอาหารครบวงจร ภายใต้วิสัยทัศน์ “ครัวของโลก” มุ่งมั่นดำเนินธุรกิจด้วยความรับผิดชอบต่อสังคมสู่ความยั่งยืน โดยในปี 2559 ที่ผ่านมา บริษัทได้ทบทวนการดำเนินงานเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดย ตระหนักดีถึงบทบาทของภาคเอกชนในการมีส่วนร่วมและผลักดันวาระการพัฒนาที่ยั่งยืนของโลก จึงได้ผสาน SDGs เข้าเป็นส่วนหนึ่งของเป้าหมายกลยุทธ์ CSR สู่ความยั่งยืน ร่วมสนับสนุน 9 เป้าหมายจาก 17 เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ โดยบริษัทฯ มุ่งมั่นนำความรู้ ความสามารถ ประสบการณ์ และความเชี่ยวชาญ ซึ่งสอดคล้องกับขีดความสามารถและศักยภาพของบริษัท มาร่วมสนับสนุน อันนำมาสู่การกำหนด ”เป้าหมาย 2563” 11 เป้าประสงค์ ซึ่งถือเป็นทิศทางความยั่งยืนที่สำคัญของซีพีเอฟ ภายใต้กลยุทธ์ CSR สู่ความยั่งยืน 3 เสาหลัก “อาหารมั่นคง สังคมพึ่งตน ดินน้ำป่าคงอยู่” สำหรับก้าวต่อไปนับจากนี้ นายวุฒิชัย กล่าว โดยการดำเนินงานในปี 2560 ภายใต้เสาหลัก “อาหารมั่นคง” เพื่อยกระดับคุณภาพและความปลอดภัยตลอดกระบวนการ บริษัทตั้งเป้าหมาย ไม่มีเหตุการณ์เรียกคืนสินค้า และมุ่งเน้นสุขโภชนาการเพื่อสุขภาพและสุขภาวะที่ดีแก่ผู้บริโภค โดยพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารใหม่ (New Product Development: NPD) ร้อยละ 15 (เป้าหมาย ร้อยละ 30 ในปี 2563) นอกจากนี้เดินหน้าส่งเสริมให้เด็กและเยาวชน 206,000 คน มีโอกาสเข้าถึงการเรียนรู้หรือทักษะในด้านการผลิตอาหารและ/หรือด้านการบริโภคที่ถูกหลักโภชนาการและปลอดภัย (เป้าหมาย 300,000 คน ในปี 2563) เสาหลัก “สังคมพึ่งตน” ด้านการพัฒนาคู่ค้าให้เติบโตไปด้วยกัน ในปี 2560 มีเป้าหมาย คือ ร้อยละ 30 ของคู่ค้าธุรกิจหลักในกลุ่มวัตถุดิบอาหารสัตว์ กลุ่มเครื่องปรุงและกลุ่มบรรจุภัณฑ์ ได้รับการตรวจประเมินด้านความยั่งยืน (เป้าหมาย 100% ในปี 2563) ขณะเดียวกัน วัตถุดิบหลักทางการเกษตรต้องผ่านการจัดหาจากแหล่งผลิตที่รับผิดชอบและตรวจสอบย้อนกลับได้ ด้วยเป้าหมาย ร้อยละ 40 ของกากถั่วเหลืองมาจากการจัดหาอย่างรับผิดชอบ (เป้าหมาย 100% ในปี 2563) ส่วนด้านการส่งเสริมคุณภาพชีวิตของชุมชน ปีนี้จะส่งเสริมอาชีพและคุณภาพชีวิตเกษตรกรและผู้ประกอบการรายย่อย รวมถึงกลุ่มเปราะบางจำนวน 33,000 ราย (เป้าหมาย 58,000 คน ในปี 2563) เสาหลัก “ดินน้ำป่าคงอยู่” ด้านการบรรเทาผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ปี 2560 ตั้งเป้าหมายอย่างต่อเนื่องจากปี 2559 ลดปริมาณการใช้พลังงาน (เป้าหมายลดร้อยละ 5 ในปี 2563) ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (เป้าหมายลดร้อยละ 5 ในปี 2563) ลดปริมาณการนำน้ำมาใช้ (เป้าหมายลดร้อยละ 10 ในปี 2563) ลดปริมาณของเสีย (เป้าหมายลดร้อยละ 30 ในปี 2563) ต่อหน่วยการผลิต เทียบกับปีฐาน 2558 และการปกป้องความหลากหลายทางชีวภาพของพื้นที่ป่าชายเลนและป่าต้นน้ำในพื้นที่ยุทธศาสตร์ของประเทศ รวมถึงพื้นที่สีเขียวในสถานประกอบการ โดยมีเป้าหมายการดำเนินการในปี 2560 รวมทั้งสิ้น 5,816 ไร่ ผ่านโครงการซีพีเอฟ ปลูก ปัน ป้องป่าชายเลน โครงการซีพีเอฟ รักษ์นิเวศ ลุ่มน้ำป่าสัก เขาพระยาเดินธง (เป้าหมาย 9,261 ไร่ ในปี 2563) นอกจากนี้ ซีพีเอฟยังมุ่งมั่นปรับปรุงและพัฒนาการดำเนินงานด้านความยั่งยืนอย่างต่อเนื่อง และเปิดเผยข้อมูลการดำเนินงานต่อสาธารณชน ผ่านการจัดทำรายงานความยั่งยืนประจำปี ซึ่งจัดทำเป็นปีที่ 6 ภายใต้การจัดทำรายงานตามแนวทางของ Global Reporting Initiative (GRI-G4) และนับเป็นปีที่ 3 ที่บริษัทได้รับเชิญเข้าร่วมรับการประเมิน DJSI ประจำปี 2560 ซึ่งถือเป็นดัชนีชี้วัดความยั่งยืนในระดับโลก ที่นักลงทุนทั่วโลกต่างให้ความสำคัญ การเข้าร่วมเป็นภาคีในข้อตกลงโลกแห่งสหประชาชาติ(UNGC) ถือเป็นการประกาศเจตนารมณ์และคำมั่นของบริษัทในการดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบ โดยบริษัทมีการเปิดเผยข้อมูลครอบคลุมประเด็นความยั่งยืนที่กำหนดผ่านรายงานความยั่งยืน ซึ่งในปี 2559 สามารถยกระดับการรายงานในระดับ Advance Level จากปีที่ผ่านมาเปิดเผยในระดับ Active Level.