ทรงสร้างประโยชน์สุขสู่ปวงประชา เสกสรร สิทธาคม /เรียบเรียง/อลงกรณ์ รัตตะเวทินมทร.ธัญบุรี /ข้อมูล เปิดโครงการคุรุราชัน ‘พระผู้ทรงเป็นครูแห่งแผ่นดิน’ มทร.ธัญบุรีให้ครูและพสกนิกรร่วมสืบสานน้อมนำเป็นต้นแบบ(2) มูลนิธิพระดาบส พ.ศ.2518  พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมีพระราชดำริให้จัดตั้งโครงการพระดาบสขึ้น  ด้วยทรงห่วงใยต่อพสกนิกรที่ต้องการแสวงหาความรู้แต่ขาดโอกาสในการศึกษาเรียนรู้  ทำให้กลุ่มคนดังกล่าวพลาดหวังสิ่งดีๆในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของตน พระองค์พระราชทานทุนส่วนพระองค์จำนวน  5  ล้านบาทพร้อมทั้งมีพระราชดำรัสว่า "หากนำเอาวิธีการประสิทธิ์ประสาทวิชาการของดาบสมาประยุกต์ใช้  โดยจัดเป็นรูปแบบการศึกษานอกระบบแล้ว  นอกจากจะช่วยให้ผู้มาฝากตัวเป็นลูกศิษย์ได้ความรู้เป็นวิชาชีพแล้ว  ยังช่วยให้ผู้นั้นเป็นผู้มีศีลธรรมจรรยา  มีน้ำใจ  ซึ่งเป็นการช่วยเหลือแก้ไขปัญหาสังคมส่วนรวมได้ผลยิ่งขึ้น  แต่ในยุคปัจจุบันนี้ป่าธรรมชาติที่เป็นที่พำนักอาศัยของดาบสนั้นนับวันจะน้อยลงไป  จึงจำเป็นต้องใช้ป่าสังเคราะห์หรือป่าคอนกรีตที่ตั้งสำนักดาบสแทน" จากพระราชดำรัสดังกล่าว  ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯพระราชทานให้พลตำรวจตรีสุชาติ  เผือกสกนธ์รับไปดำเนินการทดลองเปิดอบรมวิชาช่างไฟฟ้าวิทยุขึ้นก่อน  โดยใช้สถานที่ของสำนักพระราชวัง  ณ  บ้านเลขที่  384-386  ถนนสามเสนตรงข้ามหอสมุดแห่งชาติ  ท่าวาสุกรี  กรุงเทพมหานคร เป็นที่ประจักษ์ว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่9มิใช่ทรงเพียงเพื่อที่จะยังประโยชน์สุขให้เกิดแก่คนไทยทุกคน  แต่ยังทรงเน้นเพื่อพัฒนาจิตใจคนไทยให้เป็นคนดีควบคู่กันไปเพื่อความพัฒนาผาสุกไปสู่สังคมโดยรวมคือความสุขสงบเดินคู่กันไปอย่างยั่งยืน พระผู้ทรงเป็นครูฯ "การศึกษาตามอัธยาศัย" การเสด็จพระราชดำเนินไปยังท้องถิ่นต่างๆทั่วทุกภูมิภาคของประเทศไทย  ทำให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชทรงทราบถึงความเดือดร้อนของพสกนิกรหลายด้าน ด้านหนึ่งที่พระองค์ทรงตระหนักเป็นพิเศษคือ  การพระราชทานความรู้และการศึกษาตามอัธยาศัยแก่ประชาชนผ่านศูนย์การศึกษาการพัฒนาอันเนื่องมาจากพระราชดำริที่พระองค์ทรงตั้งขึ้น  เพื่อให้เป็นเสมือนพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติที่มีชีวิตในภูมิภาคต่างๆ  สำหรับให้ประชาชนเข้าไปศึกษาความรู้ตามอัธยาศัย  สามารถนำความรู้ต่างๆไปปรับประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้ ทั้งนี้ได้พระราชทานหลักการดำเนินชีวิตเพื่อการนำสู่การพัฒนาคุณภาพชีวิตได้อย่างมีประสิทธิผล  ที่เป้าหมายอันมุ่งหวังและได้ประสบความสำเร็จตามนั้นคือความสุขอย่างยั่งยืนในครอบครัว  ในชุมชนด้วยเพราะการหลุดพ้นจากความอดอยากขาดแคลนที่เกาะกุมครอบครัวชุมชนมาเนิ่นนานได้แก่หลักการดำเนินชีวิตตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงที่พระราชทานไว้  อันมีฐานของคุณธรรมนำขับเคลื่อนการดำเนินชีวิตการประกอบอาชีพคือความขยัน  อดทน  อดออม  ไม่โลภ  มีความรักสามัคคีกัน  มีความเมตตากรุณาต่อกันมั่นอยู่ในความกตัญญูรู้คุณ การศึกษาตามอัธยาศัยผ่านศูนย์ศึกษาการพัฒนาอันเนื่องมาจากพระราชดำริที่พระราชทานไว้มี  6  แห่งทั่วประเทศคือศูนย์ศึกษาการพัฒนาเขาหินซ้อนอันเนื่องมาจากพระราชดำริ  ตำบลเขาหินซ้อน  อำเภอพนมสารคาม  จังหวัดฉะเชิงเทราจัดตั้งตามพระราชดำริเมื่อวันที่  8  สิงหาคม 2522  ศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทองอันเนื่องมาจากพระราชดำริ  ตำบลกลุวอเหนือ  อำเภอเมือง  จังหวัดนราธิวาสจัดตั้งตามพระราชดำริเมื่อวันที่  18  สิงหาคม- 3  ตุลาคม  2524  ศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบนอันเนื่องมาจากพระราชดำริ  ตำบลสนามไชย  อำเภอท่าใหม่  จังหวัดจันทบุรี ศูนย์ศึกษาการพัฒนาภูพานอันเนื่องมาจากพระราชดำริ  บ้านนานกเค้า  ตำบลห้วยยาง  อำเภอเมือง  จังหวัดสกลนคร  ศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยฮ่องไคร้อันเนื่องมาจากพระราชดำริ  ตั้งอยู่บริเวณพื้นที่ป่าขุนแม่กวง  อำเภอดอยสะเก็ด  จังหวัดเชียงใหม่  ศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยทรายอันเนื่องมาจากพระราชดำริ  ตำบลสามพระยา  อำเภอชะอำ  จังหวัดเพชรบุรี พระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมิใช่เพียงพระราชกรณียกิจของพระมหากษัตริย์ที่ทรงดำรงในทศพิธราชธรรมเป็นแบบอย่างอันสมบูรณ์แก่พสกนิกรเท่านั้น  หากแต่พระ ราชกรณียกิจทุกอย่างของพระองค์คือ พระราชภารกิจต้นแบบที่ดีงามของความเป็นครูทั้งสิ้น  เพราะถึงแม้พระองค์จะมิได้เสด็จพระราชดำเนินไปทรงสอนหนังสือเหมือนครูในระบบอื่นๆ  แต่พระองค์ทรงทำหน้าที่ของครูมาในทุกช่วงของพระชนมายุ  ทรงเป็นครูของพสกนิกรทุกหมู่เหล่าที่ทรงให้การอบรมบ่มเพาะทั้งเรื่องชีวิต  การศึกษา  ศาสนา  วัฒนธรรม  ประเพณีครบถ้วนสมบูรณ์ในทุกมิติของชีวิต พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่9พระราชทานแนวพระราชดำริในเรื่องหน้าที่ของครูไว้อย่างชัดเจนว่า "หน้าที่ของครูคือ การสร้างเสริมรากฐานอันแข็งแรง  สมบูรณ์  ให้แก่เยาวชน  ทั้งในด้านร่างกาย  จิตใจ  และความรู้ความฉลาด  และที่สำคัญที่สุดจะต้องฝึกอบรมให้รู้จักความรับผิดชอบชั่วดี  รู้จักตัดสินใจด้วยเหตุผล  และรู้จักสร้างสรรค์ตามแนวหน้าที่สุจริตยุติธรรม" พระราชดำรัสพระราชทานเมื่อวันที่  27  กรกฎาคม  2525 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชทรงให้ความสำคัญกับจุดมุ่งหมายของการสอนว่า  การสอนคือการอบรมสั่งสอนให้คนได้เรียนดี  เพื่อที่สามารถทำงานสร้างตัวและดำรงตนให้เป็นหลักเป็นประโยชน์แก่ส่วนรวมได้ ทรงเป็นครูของแผ่นดินที่มิได้หมายเฉพาะผู้เป็นพสกนิกรในแผ่นดินไทยเท่านั้น  หากแต่ยังหมายรวมครอบคลุมได้ถึงมนุษยชาติในแผ่นดินของโลกที่ได้น้อมนำหลักคิด  หลักวิชา  หลักปฏิบัติของพระองค์ไปปรับประยุกต์ใช้ในวิถีชีวิตจนประสบความสำเร็จ