ที่กองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ (บก.สปพ.)เมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 11.00 น.พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล ผบก.สปพ. พร้อมด้วย พ.ต.อ.สำราญ นวลมา รอง ผบก.สปพ. พ.ต.อ.จักรเพชร เพชรพลอยนิล ผกก.สายตรวจ พ.ต.ท.ธนกฤต บุญเจริญ รองผกก.ศร. ปฏิบัติราชการ รองผกก.สายตรวจ พ.ต.ท.สุทธิพงษ์ พุทธิพงษ์ รอง ผกก.สายตรวจ พ.ต.ท.พรพรหม จักษุรักษ์ รอง ผกก.สายตรวจ และ พ.ต.ท.ปียรัช เวสสะโกศล สว.งานสายตรวจ 3 แถลงผลการจับกุมนายสมดุล ศรีดุรงฤทธิ์ พร้อมด้วยของกลาง รถยนต์ยี่ห้อพอร์ช รุ่น911 คาร์เรล่าเอส ทะเบียน สฉ-5969 กทม. จับกุมได้ที่บริเวณห้างโลตัส ย่านทาวอินทาวน์ พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนหาข่าวได้รับแจ้งจากสายลับที่ทำการแฝงตัวอยู่ตามเว็บเพจขายรถว่ามีบุคคลประกาศขายรถยนต์หรู ยี่ห้อพอร์ช รุ่น911 คาร์เรล่าเอส ในราคา 2,300,000 บาท ซึ่งเป็นราคาที่ต่ำกว่าในท้องตลาดอย่างมาก โดยปกติแล้วรถยนต์รุ่นนี้จะมีราคาตามท้องตลาดประมาณ 6,500,000 บาท จึงน่าเชื่อว่าเป็นรถที่ผิดกฎหมาย ต่อมาเจ้าหน้าที่จึงได้ติดต่อขอซื้อรถยนต์ยี่ห้อพอร์ช รุ่น911 คาร์เรล่าเอส และได้นัดนำรถมาส่งมอบที่บริเวณห้างโลตัสย่านทาวอินทาวน์ จากนั้นเมื่อตกลงซื้อขายกันเรียบร้อยสายลับได้ส่งสัญญาณให้เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม จึงแสดงตัวขอตรวจสอบรถคันดังกล่าว ปรากฏว่านายสมดุล ศรีดุรงฤทธิ์ ซึ่งเป็นผู้ครอบครองรถ ไม่สามารถนำเอกสารมาแสดงต่อเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้และจากการตรวจสอบระบบโปลิส พบว่ารถคันดังกล่าวมีการจดทะเบียนไว้กับกรมการขนส่งทางบกเป็นรถยี่ห้อพอร์ช รุ่น จีที3 สีเหลืองทะเบียน สฉ-5969 กทม.ซึ่งไม่ตรงกับรุ่นรถคันดังกล่าว และจากการตรวจสอบเลขตัวรถพบว่ามีการดัดแปลงเปลี่ยนเลขตัวรถทับของเดิมไว้ เจ้าหน้าที่จึงได้ทำจับกุมพร้อมกับตรวจยึดรถคันดังกล่าวมาตรวจสอบ จากการสอบสวนนายสมดุล ให้การรับสารภาพว่า ได้ซื้อรถคันดังกล่าวต่อจากกลุ่มเพื่อนอีกทางหนึ่ง เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้นำรถยนต์คันดังกล่าวส่งพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลวังทองหลางเพื่อดำเนินการตรวจสอบ ทั้งนี้หากพบว่ารถดังกล่าวที่ตรวจยึดมามีการนำเลขตัวรถคันอื่นมาสวมแผ่นป้ายทะเบียนกับป้ายภาษีเป็นเอกสารปลอม ก็จะทำการแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมในข้อหา ปลอมเอกสารราชการตามป.อาญามาตรา๒๖๕ ระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 6 เดือนถึง 5 ปี ปรับ 1 พัน ถึง 1 หมื่นบาท, จำหน่ายของที่นำเข้ามาในราชอาณาจักรโดยเลี่ยงอากรตาม พรบ.ศุลกากรมาตรา 27 ทวิ ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับ 4 เท่าของราคารวมอากรต่อไป