นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง กล่าวถึงเศรษฐกิจไทยที่มีปัญหาในเวลานี้ซึ่งตัวเลขทางเศรษฐกิจที่ออกมาหลายตัวมีปัญหาว่า แสดงถึงความถดถอยเช่น การลงทุนจากต่างประเทศ การลงทุนภายในประเทศโดยภาคเอกชนไทย สะท้อนถึงปัญหาการบริหารการจัดการเศรษฐกิจของรัฐบาลอย่างยิ่ง เศรษฐกิจดีไม่ดีดูได้จากความคึกคักในการจับจ่ายใช้สอยซึ่งจะเป็นผลกระทบแบบลูกโซ่คือ เมือคนขายของยากขึ้น คนที่รอรับรายได้จากคนนั้นก็จะมีรายได้น้อยลง เขาก็จะมีเงินเหลือไปจับจ่ายกับคนอื่นน้อยลง กลายเป็นงูกินหาง สิ่งที่สังเกตได้อีกคือ ตามสถานที่จับจ่ายใช้สอยต่างๆถ้าหายกว่าผู้เบาบางลง หรือสังเกตได้ว่ามีคนเดินแต่ว่าถุงที่ใส่สินค้ามีน้อยลง เราจะเห็นว่าเศรษฐกิจมีปัญหา นายกิตติรัตน์ กล่าวอีกว่า ถ้ารัฐบาลสังเกตเห็นสิ่งเหล่านี้ได้ รัฐบาลก็ควรจะอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบโดยเฉพาะไปยังผู้มีรายได้น้อยด้วยวิธีการต่างๆ ทั้งคนในเมือง คนในภาคเกษตร คนทำงานประจำ และคนทำงานอิสระ รายได้ที่มาจากการอัดฉีดจากภาครัฐจะเกิดเงินหมุนเวียนจับจ่ายใช้สอยทำให้เศรษฐกิจที่ไม่ดีกลับมาสู่ภาวะที่ดีขึ้น นอกจากนี้ยังให้มุมมองเศรษฐกิจโลกว่า ทิศทางการเงินของโลกมีแนวโน้มฟื้นตัวดีขึ้น อัตราดอกเบี้ยเงินสกุลหลักของโลกมีแนวโน้มสูงขึ้น เป็นกระจกส่องที่ดีว่าเศรษฐกิจโลกอยู่ในทิศทางที่ดีขึ้น ขณะที่รอบบ้านเราโดยเฉพาะประเทศในกลุ่ม CLMV ได้แก่ เขมร ลาว เมียนมาร์และเวียดนาม มีอัตราการขยายตัวดีกว่าไทยที่อัตราการขยายตัวต่ำ มองเป็นอย่างอื่นไม่ได้คือ ความไม่มั่นใจที่กำลังเป็นอยู่ เราจึงยังต้องระวังตัวเองต่อไป และต้องประคับประคองในช่วงเวลานี้จนกว่าทิศทางการเมืองจะชัดเจนจนสร้างความพอใจให้กับนักธุรกิจโดยเฉพาะนักธุรกิจต่างประเทศ