นายอัคบาร์ อัล บาเกอร์ ประธานบริหารกลุ่มสายการบินกาตาร์ แอร์เวย์ส กล่าวว่า ในสถานการณ์โควิด-19 ที่ผ่านมาได้ สายการบินฯ ได้ให้ความสำคัญกับผู้โดยสารมากที่สุด โดยใช้มาตรการด้านสุขอนามัยสูงสุด รวมถึงนโยบายช่วยเหลือในการเปลี่ยนแปลงการเดินทาง เพื่อให้ผู้โดยสารสามารถเดินทางด้วยความมั่นใจ ทั้งนี้ได้ให้บริการผู้โดยสารกลับภูมิลำเนากว่า 1 ล้านคน และขนส่งเวชภัณฑ์อุปกรณ์การแพทย์ และสิ่งของจำเป็นกกว่า 1 แสนตัน ผ่านฐานปฏิบัติการบิน ณ กรุงโดฮา โดยมุ่งเน้นภารกิจที่ทำให้ผู้คนยังคงสามารถเดินทางได้ และเชื่อมต่อไปยังจุดหมายปลายทางต่างๆ พร้อมกันนี้ได้สร้างความมั่นใจให้กับผู้โดยสารหน่วยงานภาครัฐ คู่ค้า และท่าอากาศยาน ด้วยการยังปฏิบัติภารกิจดังกล่าวต่อไป พร้อมทยอยขยายเครือข่ายเส้นทางบินอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามด้วยกฎข้อบังคับด้านการบินของประเทศต่างๆ ทั่วโลกเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา เนื่องจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 ยังไม่คลี่คลาย จึงทำให้กาตาร์แอร์เวยส์ ยังต้องติดตามข้อมูลดังกล่าวอย่างใกล้ชิด ซึ่งจากการคาดการณ์จากข้อมูลที่ได้รับพบว่า การเดินทางระยะสั้นน่าจะฟื้นตัว โดยการทำธุรกิจระหว่างเมืองหลักจะทยอยกลับมารวมถึงอาจเริ่มมีการเดินทางเพื่อพบปะเพื่อนและครอบครัวหลังจากที่มีการปิดประเทศมาเป็นระยะเวลานาน ซึ่ง นายอัคบาร์ กล่าวต่อว่า ทางสายการบินกาตาร์แอร์เวยส์ ได้พยายามบริหารจัดการฝูงบินที่มีอยู่หลายรุ่น อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด เพื่อให้ตรงต่อตามความต้องการของตลาดในเส้นทางที่วางแผนไว้ โดยภายในเดือนมิถุนายน น่าจะกลับมาให้บริการเส้นทางบินพาณิชย์ได้ถึง 80 แห่ง ได้แก่ ยุโรป 23 แห่ง อเมริกา 4 แห่ง ตะวันออกกลางและแอฟริกา 20 แห่ง ส่วนทางเอเชียแปซิฟิกมีประมาณ 33 แห่ง โดยมีความถี่เที่ยวบินอย่างน้อย 1 เที่ยวบินต่อวันหรือมากกว่า พร้อมกันนี้ได้ทยอยเพิ่มเส้นทางบิน เน้นเชื่อมโยงฐานการบิน ที่ กรุงโดฮาและฐานการบินหลักของสายการบินพันธมิตรทั่วโลก ได้แก่ ลอนดอน ชิคาโก แดลลัส และฮ่องกง รวมถึงเมืองที่เป็นศูนย์กลางธุรกิจ และการท่องเที่ยว เช่น มาดริด และมุมไบ เป็นต้น ทั้งนี้ ปัจจุบันสายการบินกาตาร์แอร์เวยส์ ยังคงให้บริการเที่ยวบินสู่จุดหมายปลายทางกว่า 30 แห่งทั่วโลก โดยภายในสิ้นเดือนพฤษภาคม ได้วางแผนจะกลับมาให้บริการถึง 50 จุดหมายปลายทาง เช่น มะนิลา อัมมาน และไนโรบี รวมทั้งจะเพิ่มเส้นทางอื่นๆ อีก ภายในเดือนมิถุนายน 2563 นี้