ทำอย่างไร จะพูดได้เต็มปากว่า
“เรารักในหลวง”(1)
สมเด็จพระพุทธาจารย์(ป.อ.ปยุตโต)
นับแต่วันที่พระบาทสมเด็จพระพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร เสด็จสู่สวรรคาลัย 13 ตุลาคม 2559 นำมาซึ่งความเศร้าโศกอาลัยอย่างยิ่งของพสกนิกรไทยทั่วทั้งประเทศและที่พำนักอยู่ในต่างประเทศทั่วโลก พสกนิกรที่พร้อมเดินทางไปถวายสักการะพระบรมศพจึงได้พากันหลั่งไหลไปถวายสักการะพระบรมศพ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทในพระบรมมหาราชวังกันอย่างเนื่องแน่ทุกวันตราบวันนี้
เจ้าประคุณสมเด็จพระพุทธาจารย์(ป.อ.ปยุตโต)ได้เมตตาแสดง “ธรรมกถา” ชี้ทางให้ประชาชนคนไทยที่มีความจงรักภักดีเทิดทูนในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชและจะมีพระองค์ท่านสถิตย์ในตัวในใจตราบนิรันดร์นั่นคือการร่วมสืบสานพระราชปณิธานปฎิบัติตนเป็นคนดีทั้งในชีวิตประจำวันของตนเองทั้งในกิจกรรมทั้งหลายที่พึงมีกับสังคมโดยรวมเพื่อเจริญรุ่งเรืองผาสุก สงบเรียบร้อยของชาติบ้านเมืองเพื่อแสดงออกซึ่งความกตัญญูมีผลสืบทอดเป็นกตเวทิตา มั่นคงอยู่ในการประพฤติธรรมอันจะกล่าวได้อย่างเต็มปากดังที่เจ้าประคุณแสดงธรรมกถาให้เห็นทางสว่างไสวว่า “เรารักในหลวง” อย่างแท้จริง
หนังสือพิมพ์สยามรัฐรายวันหน้า “ในหลวงของเรา”กราบนมัสการขออนุญาตเจ้าประคุณสมเด็จพระพุทธาจารย์(ป.อ.ปยุตโต)นำธรรมกถาที่เผยแพร่แล้วนี้ เผยแพร่เป็นธรรมทานดังนี้
“ คำปรารภ
เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม พ.ศ.2559 สมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ได้เสด็จสู่สวรรคาลัย เป็นเหตุให้ประชาชนทั่วแผ่นดินไทยเศร้าโศกอาลัยเป็นอย่างยิ่ง และเมื่อทางการจัดอำนวยโอกาสก็พากันเดินทางประดังหลั่งไหลมาถวายสักการะพระบรมศพกันอย่างเนืองแน่นท่วมท้น วันแล้ววันเล่ายังไม่รู้ที่จะเบาบางลงไป
การที่ประชาราษฎร์เศร้าโศกอาลัย และมีการแสดงออกหลากหลายมากมายให้เห็นความรำลึกซาบซึ่งในพระคุณที่ได้ทรงบำเพ็ยพระราชกรณียกิจนานัปการ ตลอดเวลายาวนาน เพื่อประโยชน์สุขของพสกนิกรนั้นนับว่าเป็นความมีนำใจกตัญญูที่ควรที่จะชื่นชม
อย่างไรก็ดี เมื่อวาระสำคัญยิ่งนี้เกิดมีขึ้นแล้ว ควรให้การแสดงความกตัญญูมีผลสืบทอดออกเป็นกตเวทิตา ที่จะเป็นการปฏิบัติอย่างจริงจังยั่งยืน โดยเป็นการเตือนใจประชาชนให้ตื่นตัวระลึกรู้และตั้งใจนำตนเข้าสู่การทำกิจทำการทั้งหลาย ที่จะเกิดผลเป็นการสนองพระราชปณิธาน ให้สัมฤทธิ์ความหวังแห่งพระราชหฤทัย และตัวประชาชนเองก็จะได้พัฒนาชีวิตเจริญบุญประพฤติธรรม พร้อมกับที่ผลรวมก็จะเกิดเป็นความมั่นคงเจริญพัฒนาของประเทศชาติ เรื่อง ทำอย่างไร จะพูดได้เต็มปากว่า “เรารักในหลวง” เป็นธรรมกถา ที่หวังว่าจะช่วยนำพาให้ประชาชนก้าวหน้าในความเจริญธรรม
เทศนาธรรมกถา
ตลอดเวลาหลายสิบปีที่ผ่านมา วันที่ 5 ธันวาคม ได้เป็นมหามงคลสมัย แห่งวโรกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา ที่ประชาชนชาวไทยได้เฉลิมฉลอง มีความสุขสดใสร่าเริงเบิกบาน
ครั้นมาบัดนี้ เพียงประมาณหนึ่งเดือนครึ่งเศษ ที่ผ่านมา ณ วันที่ 13 ตุลาคม พ.ศ.2559 สมเด็จพระบรมบพิตรพระราชสมภาร สมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ได้เสด็จสู่สวรรคาลัย เป็นเหตุให้ประชาชนชาวไทยทั่วทั้งพระราชอาณาจักร และที่พำนักอาศัยในนานาประเทศ เศร้าโศกอาลัยสุดบรรยาย แต่ด้วยพระราชกรณียกิจที่ได้ทรงบำเพ็ญไว้เพื่อประโยชน์สุขของทวยราษฎร์นานัปการ แม้จะได้เสด็จลับแรมไป ก็ยังเหมือนทรงสถิตอยู่ในดวงใจของมวลพสกนิกร
บัดนี้ ในวันที่ 5 ธันวาคม พศ.2559 อันเป็นวัคล้ายวันพระบรมราชสมภพ ในพระองค์สมเด็จพระปรมินทร มหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 เป็นวันบรมมหาราชานุสรณ์สำคัญยิ่งสมเด็จบรมบพิตรราชสมภาร สมเด็จพระมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ได้ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปทานอุทิศถวาย นำให้ปวงประชานิกรน้อมรำลึกพระคุณ เตือนใจตนให้บำเพ็ญคุณความดีสืบสานพระราชปณิธานให้ยั่งยืนสืบไป
สมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 พระองค์นั้น แม้เสด็จสู่สวรรคาลัย แต่เหมือนยังประทับอยู่ในฟากฟ้าบรรยากาศที่ปกแผ่ทั่วผืนแผ่นดินไทย เป็นมิ่งขวัญอยู่ในดวงหทัยของมวลประชาราษฎร์ ด้วยพระราชกรณียกิจที่ได้เสด็จพระราชดำเนินไปทรงบำเพ็ญไว้แผ่ขยายกระจายอยู่ทั่วผืนแผ่นดิน สมดังพระปฐมบรมราชโองการ ที่ทรงประกาศในวันบรมราชาภิเษกว่า
“เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม”
พระปฐมบรมราชโองการ ที่ได้ทรงประกาศนั้น นับว่าได้เป็นพระราชปณิธานยั่งยืนนานมาตราบจนตลอดรัชกาล
สมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ได้ทรงเสียสละพระองค์เสด็จฯไปทรงบำเพ็ยพระราชกรณียกิจทั่วผืนแผ่นดินไทย
เคยได้ยินชาวบ้านในชนบทห่างไกล ซึ่งประกอบอาชีพเกษตรกรรมทำไร่ทำสวนของเขา พูดเล่าขานว่า เมื่อเขาขับรถนำพืชสวนพืชไร่ไปส่งไปขาย เป็นต้น ในที่ที่เขาเดินทางผ่านมองออกไปไกลๆ เขาได้เห็นพระเจ้าอยู่หัว หรือในหลวงของเขาประทับยืนอยู่บนผืนแผ่นดินที่แห้งแล้ง ในถิ่นที่โล่งแจ้งกว้างไกกล ในที่นั้น กลางแสงแดดที่ร้อนแรงแผดจ้า ในหลวงของเขาเสด็จฯไปมาด้วยพระบาททั่วบริเวณ ทรงสั่งงาน ทรงจัดดำเนินการต่างๆ สร้างอ่างเก็บน้ำ ให้ชาวถิ่นชาวบ้านพ้นจากทุกข์ภัยของความแห้งแล้งกันดารขาดน้ำกินน้ำใช้
อ่างเก็บน้ำที่นี่เสร็จแล้ว ก็เสด็จฯไปทรงสำรวจและสร้างอ่างเก็บน้ำอย่างนั้นในที่อื่นๆ ต่อไป
บางแห่งทรงนำและทรงแนะนำให้ปลูกพืชตัวอย่าง ทรงนำให้ทำการพัฒนา ให้มีการเปลี่ยนแปลงในทางที่จะแก้ไขปัญหา
แม้ในที่รกที่หล่มที่ดอนในป่าบนเขาที่กันดาร แสนไกล ไม่มีถนนหนทางที่จะไปถึงด้วยยานพาหนะใดๆ ก็เสด็จดำเนินด้วยพระบาท ไปทรงเยี่ยมเยียนช่วยเหลือแก้ปัญหาให้แก่ราษฎรที่ยากจนขาดแคลนหรือชาวบ้านที่อดอยากยากไร้ในที่ห่างไกลยากที่ใครๆ จะไปถึงได้(อ่านต่อ)