ราชภัฏสุราษฎร์ หนุนกิจกรรมรับน้องใหม่ แต่ต้องอยู่ภายใต้การดูแลอย่างใกล้ชิด วาง 4 กรอบเข้ม มุ่งเปลี่ยนทัศนคตินักศึกษาให้เข้าใจว่าไม่ใช่พิธีกรรมการเอาคืนจากรุ่นสู่รุ่น แต่คือการต้อนรับผู้มาใหม่ ผศ.ดร.ณรงค์ พุทธิชีวิน ผู้ได้รับการเสนอชื่อเป็น "อธิการบดี" มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี (มรส.) เปิดเผยถึงนโยบายในกิจกรรมรับน้องใหม่ประจำปีการศึกษา 2560ว่ามหาวิทยาลัยยังคงสนับสนุนให้นักศึกษารุ่นพี่และรุ่นน้องได้ร่วมกันจัดกิจกรรมรับน้องใหม่ เพราะเป็นประเพณีที่ดี สะท้อนให้เห็นถึงวัฒนธรรมอันดีงามของไทย แต่ต้องจัดภายใต้การดูแลอย่างใกล้ชิดของมหาวิทยาลัย ผศ.ดร.ณรงค์ กล่าวต่อไปว่า การสั่งงดกิจกรรมรับน้องไม่ใช่การแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ ตรงกันข้าม กลับยิ่งทำให้เด็ก ๆ ออกไปจัดกิจกรรมกันเองนอกสายตาผู้ใหญ่ การแก้ไขปัญหาที่ตรงจุดคือการเปลี่ยนทัศนคติของเด็กให้เข้าใจเสียใหม่ว่า การรับน้องใหม่มิใช่พิธีกรรมการชดใช้หรือเอาคืนจากรุ่นสู่รุ่น แต่คือการสะท้อนให้เห็นถึงวัฒนธรรมอันดีงามของไทยที่ว่า "ใครมาถึงเรือนชานต้องต้อนรับ" และต้องต้อนรับให้ดี ให้งดงาม ให้ประทับใจ ส่วนผู้มาใหม่เองก็อยากให้เจ้าของบ้านหรือคนที่อยู่เดิมต้อนรับด้วยความรักและไมตรีจิตเช่นเดียวกัน "ในปีนี้มหาวิทยาลัยได้วางกรอบการรับน้องเอาไว้ 4 กรอบด้วยกัน 1.ต้องสะท้อนถึงวัฒนธรรมไทย ในฐานะคนอยู่ก่อนให้การต้อนรับผู้มาใหม่ด้วยน้ำใจไมตรี ด้วยธรรมเนียมอันงดงามของไทย 2.ต้องสะท้อนซึ่งความรักและเอื้ออาทรที่พี่พึงมีต่อน้อง 3.เคารพซึ่งศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ เพราะไม่ว่ารุ่นพี่หรือรุ่นน้องต่างก็มีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์เท่าเทียมกัน ดังนั้น กิจกรรมรับน้องที่จัดขึ้นต้องไม่กดขี่ข่มเหงความเป็นมนุษย์ ต้องปฏิบัติต่อกันเฉกเช่นมนุษย์พึงปฏิบัติต่อมนุษย์ที่มีใจสูงด้วยกัน และ 4.รุ่นพี่ต้องเป็นต้นแบบที่ดีให้กับรุ่นน้อง ทั้งบุคลิกภาพ การวางตัว การแต่งกาย การเล่าเรียน คุณธรรมจริยธรรม" อธิการบดี ยังกล่าวย้ำว่า ในกรณีที่รุ่นน้องเห็นว่ากิจกรรมรับน้องที่รุ่นพี่จัดให้สวนทางกับกรอบ 4 ประการข้างต้น มหาวิทยาลัยให้สิทธิ์รุ่นน้องอย่างเต็มที่ที่จะปฏิเสธการรับน้อง มหาวิทยาลัยต้องไม่สอนให้รุ่นน้องศิโรราบกับรุ่นพี่โดยไม่มีเหตุผล ระบบอาวุโสมีได้แต่ต้องดำเนินไปอย่างถูกต้องตามทำนองคลองธรรม "มหาวิทยาลัยไม่มีนโยบายให้จัดกิจกรรมรับน้องนอกสถานที่ ที่ซึ่งตาของมหาวิทยาลัยมองไปไม่ถึง กระบวนการรับน้องทั้งหมดจะต้องอยู่ในความดูแลของผู้บริหารมหาวิทยาลัย อาจารย์ และอาจารย์ที่ปรึกษาอย่างใกล้ชิด"